หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาบัตรเครดิตสักใบมาใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วเริ่มได้ยินคำว่า “บัตรเครดิตเงินคืน” อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะในโฆษณา รีวิวบัตรเครดิต หรือจากเพื่อนฝูงที่ใช้งานอยู่แล้ว อาจมีคำถามว่า บัตรเครดิตเงินคืนคืออะไร? ดีกว่าบัตรเครดิตทั่วไปตรงไหน? แล้วจะใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับบัตรเครดิตประเภทนี้อย่างละเอียด พร้อมแนะนำเคล็ดลับในการใช้อย่างคุ้มค่า
บัตรเครดิตเงินคืนคืออะไร?
บัตรเครดิตเงินคืน (Cashback Credit Card) คือ บัตรเครดิตประเภทหนึ่งที่เมื่อคุณใช้จ่ายผ่านบัตรในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า ชำระค่าบริการ หรือเติมน้ำมัน คุณจะได้รับเงินคืนในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์จากยอดใช้จ่ายนั้น โดยปกติแล้วอัตราการคืนเงินจะอยู่ที่ประมาณ 0.2% – 5% ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร และประเภทของรายการใช้จ่าย เช่น
- เติมน้ำมัน ได้คืน 3%
- ซื้อของออนไลน์ ได้คืน 5%
- ใช้จ่ายในหมวดซูเปอร์มาร์เก็ต ได้คืน 1.5%
- ใช้จ่ายทั่วไป ได้คืน 0.2%
เงินคืนที่ได้รับจะถูกสะสมในระบบของธนาคารผู้ออกบัตร และสามารถนำมาหักจากยอดค่าใช้จ่ายในรอบบัญชีถัดไป หรือโอนเข้าเป็นเครดิตในบัญชีบัตรของคุณโดยอัตโนมัติ
ประโยชน์ของบัตรเครดิตเงินคืน
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ถึงแม้เปอร์เซ็นต์เงินคืนจะดูไม่มากในแต่ละครั้ง แต่เมื่อรวมยอดใช้จ่ายตลอดทั้งปี คุณจะประหยัดได้มากทีเดียว เช่น หากคุณใช้บัตรซื้อของเดือนละ 10,000 บาท และได้คืน 1.5% เท่ากับประหยัดได้ถึง 1,800 บาทต่อปี
- เหมาะกับคนที่มีวินัยการเงินดี
หากคุณชำระยอดเต็มทุกเดือน และไม่ใช้เกินกำลังของตนเอง การใช้บัตรเครดิตเงินคืนคือการได้สิทธิประโยชน์เพิ่มจากเงินที่คุณจะต้องใช้จ่ายอยู่แล้ว เช่น ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร หรือค่าสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต
- โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษเพิ่มเติม
หลายธนาคารมีแคมเปญร่วมกับร้านค้าหรือบริการต่าง ๆ เช่น คืนเงินเพิ่มพิเศษ 5% เมื่อใช้กับแอปสั่งอาหาร หรือส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อใช้ร่วมกับบริการส่งของออนไลน์
- ใช้ง่าย ไม่ต้องสะสมแต้ม
ไม่ต้องจำว่าต้องแลกคะแนนเมื่อไร หรือสะสมครบเท่าไร เพียงแค่ใช้บัตรให้ตรงตามเงื่อนไขก็ได้รับเงินคืนโดยอัตโนมัติ
วิธีใช้บัตรเครดิตเงินคืนให้คุ้มค่า
- เลือกบัตรให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้จ่าย
หากคุณเติมน้ำมันบ่อย ให้เลือกบัตรที่ให้เงินคืนสูงในหมวดน้ำมัน หรือหากคุณซื้อของออนไลน์เป็นประจำ ก็ควรเลือกบัตรที่เน้นเงินคืนในหมวดอีคอมเมิร์ซ
- อ่านเงื่อนไขอย่างละเอียด
แต่ละบัตรจะมีเงื่อนไขในการรับเงินคืนที่ต่างกัน เช่น กำหนดยอดใช้ขั้นต่ำต่อรอบบัญชี, จำกัดวงเงินคืนสูงสุดต่อเดือน, หรือระบุร้านค้าที่ร่วมรายการ ดังนั้นควรศึกษาเงื่อนไขให้ชัดเจนเพื่อไม่พลาดสิทธิประโยชน์
- ชำระยอดเต็มทุกเดือน
เพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยจากการผ่อนชำระ ควรจ่ายยอดเต็มจำนวนทุกเดือน เพราะแม้คุณจะได้เงินคืน 1.5% แต่ถ้าต้องเสียดอกเบี้ย 16-20% ต่อปี ก็ถือว่าไม่คุ้ม
- ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น และไม่ใช้เกินตัว
ถึงแม้จะมีเงินคืน แต่การใช้บัตรเกินความจำเป็นอาจทำให้คุณเป็นหนี้สะสมโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นควรใช้เฉพาะที่จำเป็นและควบคุมการใช้ให้เหมาะสม
บัตรเครดิตเงินคืนเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีวินัยทางการเงิน เพราะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้จากการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เพียงแค่เลือกใช้บัตรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ศึกษาเงื่อนไขให้ถี่ถ้วน และจ่ายหนี้บัตรให้ตรงเวลา ก็สามารถเปลี่ยนการใช้จ่ายธรรมดาให้กลายเป็นความคุ้มค่าในระยะยาวได้อย่างง่ายดาย