ไขรหัสศัพท์เทคนิค! บอกต่อวิธีดูสเปคหูฟังบลูทูธเบื้องต้น

ปัจจุบันหูฟังบลูทูธได้กลายมาเป็นไอเทมที่หลายคนเลือกเมื่อถึงมองหาหูฟังดีๆ สักคู่ แต่ด้วยสเปคที่มีให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังมีศัพท์เทคนิคค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากหลายคนจะสับสนกับค่าสเปคต่างๆ จนถึงขั้นเลือกซื้อกันไม่ถูก และเพื่อเป็นการช่วยให้ทุกคนที่กำลังงุนงงกับศัพท์เทคนิคต่างๆ ได้เจอกับหูฟังที่ตอบโจทย์ตัวเอง วันนี้เราจึงอยากอาสามาบอกวิธีอ่านสเปคหูฟังบลูทูธจากศัพท์เทคนิคเบื้องต้น เริ่มตั้งแต่ Bluetooth Codec, ไดรเวอร์หูฟัง, ค่า Impedance และ IP rating ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นยังไง ตามไปดูกันได้เลย

หูฟังบลูทูธทำงานยังไง

บลูทูธเป็นเทคโนโลยีที่อาศัยการส่งคลื่นความถี่วิทยุผ่าน Bluetooth Codec หรือตัวแปลงคุณภาพสัญญาณของบลูทูธจากอุปกรณ์ต้นทาง เช่น สมาร์ตโฟน, แท็ปแล็ต และแล็ปท็อปไปยัง Driver หรือตัวกำเนิดเสียงของอุปกรณ์ปลายทางซึ่งมีหน้าที่แปลงคลื่นความถี่วิทยุที่ได้รับมาจาก Bluetooth Codec ให้กลายเป็นเสียงที่เราได้ยินผ่านหูฟัง ในเมื่อ Bluetooth Codec และ Driver เป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญในการส่งและรับคลื่นความถี่ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ายิ่งประสิทธิภาพการทำงานของ Bluetooth Codec และ Driver ดีมากเท่าไหร่ คุณภาพเสียงที่ออกมาก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น

ศัพท์เบื้องต้นเกี่ยวกับสเปคของหูฟังที่ทุกคนควรรู้

1. Bluetooth Codecs

ในปัจจุบัน Bluetooth Codec หรือตัวแปลงคุณภาพสัญญาณของบลูทูธมีทั้งหมด 4 รูปแบบ ประกอบไปด้วย

SBC: เป็นตัวแปลงสัญญาณขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับอุปกรณ์บลูทูธ

aptX: เป็นระบบที่พบได้บ่อยในหูฟังบลูทูธ โดย aptX มักให้คุณภาพเสียงดีกว่า SBC แต่มักใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android

AAC: เป็นรูปแบบมาตรฐานที่มีความเสถียรสูง อีกทั้งยังมีคุณภาพเสียงที่ดี แต่ก็มีข้อจำกัดเนื่องจากใช้ได้เฉพาะกับผลิตภัณฑ์ของ Apple

LDAC: จุดเด่นของ LDAC ได้แก่ความรวดเร็วในการส่งสัญญาณ และการให้เสียงระดับ Hi-Resolution ดังนั้นเสียงที่ออกมาจึงครับทั้งคุณภาพ และความต่อเนื่อง

เนื่องจาก Bluetooth Codec จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่ออุปกรณ์ที่เราจะเอามาใช้กับหูฟังรองรับ Codec ประเภทเดียวกัน ดังนั้นก่อนซื้อหูฟัง อย่าลืมสังเกตอุปกรณ์ของตัวเองก่อนให้ดีว่าสามารถรองรับ Codec ประเภทไหนได้บ้าง

2. Driver

ในปัจจุบัน Driver หรือตัวกำเนิดเสียงนั้นมีทั้งหมดหลายแบบ แต่สำหรับหูฟังบลูทูธแล้ว สามารถจำแนก Driver ที่พบบ่อยออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

Dynamic: เป็น Driver พื้นฐานที่พบได้ในหูฟังทั่วไป จุดเด่นได้แก่ราคาถูก คุณภาพเสียงที่ได้อยู่ในระดับมาตรฐาน แต่มักมีความผิดเพี้ยนของเสียงเมื่อเปิดดังๆ

Armature: เป็น Driver ที่สามารถแปลงช่วงเสียงได้กว้าง ดังนั้นเสียงที่ออกมาจึงมีความชัด

Electrostatic: เป็น Driver คุณภาพสูงที่มีครบทั้งในเรื่องของการให้คุณภาพเสียงในทุกย่านเสียงได้อย่างถูกต้อง แต่ก็แลกมากับราคาที่ค่อนข้างสูง อักทั้งยังใช้พลังงานแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก

Multiple driver/ Hybrid: เป็น Driver ที่มีนำ Driver สองตัวมาใช้งานร่วมกันเพื่อพัฒนาคุณภาพเสียงให้ออกมาดีก่าหูฟังที่ใช้ Driver เพียงตัวเดียว

3. ค่าโอห์ม

คือหน่วยวัดความต้านทาน ปกติแล้ว ค่าโอห์มของอุปกรณ์และหูฟังควรจะสัมพันธ์กันเพื่อให้เสียงที่ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหากเราเลือกใช้หูฟังบลูทูธที่มีค่าโอห์มไม่เท่ากับอุปกรณ์ ผลที่ตามมาสามารถไล่เรียงได้ตั้งแต่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวหูฟังไปจนถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อการได้ยิน

4. IP rating

คือค่าที่ใช้บ่งบอกคุณสมบัติในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น น้ำหรือฝุ่น โดยค่า IP มีทั้งหมด 8 ระดับ เริ่มตั้ง 0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดไปจนถึง 8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังบลูทูธเพื่อออกกำลังกาย การเลือกซื้อหูฟังที่มีค่า IP 4-5 ซึ่งสามารถกันได้ทั้งเหงื่อ, ฝน และฝุ่นได้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว

Comments

comments