กลยุทธ์ของ AIS ในภาคตะวันออกนั้นไม่ใช่แค่การขยายเครือข่าย แต่เป็นการวางรากฐานดิจิทัลที่ผสานเข้ากับทุกมิติของเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ จากข้อมูลและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารระดับสูง นำโดย คุณวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS, คุณสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน หัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก AIS และพันธมิตรคนสำคัญ คุณวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ทำให้เห็นภาพกลยุทธ์ที่ชัดเจนและจับต้องได้

ภาพรวมภาคตะวันออก: มุมมองของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

คุณสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน ในฐานะผู้ดูแลภาคตะวันออกโดยตรง ได้ฉายภาพให้เห็นว่า AIS มองพื้นที่นี้เป็น “ภาคยุทธศาสตร์” ที่มีศักยภาพรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น:

  • ภูมิศาสตร์และท่องเที่ยว: มีแนวชายฝั่งทะเลยาวร่วม 400 กิโลเมตร และหมู่เกาะสำคัญมากมาย ตั้งแต่เกาะสีชัง, เกาะล้าน, เกาะเสม็ด ไปจนถึงหมู่เกาะช้าง ซึ่งเป็นแม่เหล็กใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว
  • อุตสาหกรรม: เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางเศรษฐกิจ EEC โดยมีนิคมอุตสาหกรรมหนาแน่นตามแนวชายฝั่งเพื่อความสะดวกด้านโลจิสติกส์

  • เกษตรกรรม: เป็นแหล่งผลิตและส่งออกผลไม้ที่สร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่ง AIS ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำเทคโนโลยี IoT เช่น เซ็นเซอร์วัดความชื้น หรือกล้องวงจรปิดผ่านเครือข่าย 5G/4G เพื่อช่วยเกษตรกรในการบริหารจัดการและดูแลผลผลิต

จากภาพรวมนี้ คุณสมภพยืนยันความพร้อมของโครงข่ายว่า AIS 5G ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดใน EEC 100% และครอบคลุมทั้งภาคตะวันออกกว่า 95% เพื่อรองรับทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

กลยุทธ์เชิงลึก: จาก “ผู้ให้บริการ” สู่ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์”

คุณวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ ได้ให้มุมมองเชิงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงภาพการปฏิบัติงานของ AIS กับเป้าหมายจากภาครัฐ โดยชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมคือตัวขับเคลื่อน GDP ที่สำคัญ แต่ความท้าทายคือโรงงานส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ Industry 2.0 (61%) และมีเพียง 2% ที่เป็น Industry 4.0

เพื่อแก้โจทย์นี้ AIS ต้องเป็นมากกว่าผู้ขาย แต่เป็น “ที่ปรึกษา” โดยยกระดับบทบาทของตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่ง คุณวสิษฐ์ ได้อธิบายแนวคิดเบื้องหลังไว้อย่างชัดเจนว่า:

“Use case ที่เราเข้าไปดำเนินการล้วนเป็นแบบ customized ทั้งหมด เพราะทันทีที่มี requirement ที่แตกต่าง ทีมวิศวกรของเราจะเข้าไปพูดคุยโดยตรง ทำงานอย่างใกล้ชิดกับโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงเจ้าของพื้นที่ซึ่งก็คือนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้น 5G จึงกลายเป็นเครื่องมือยุทธศาสตร์ที่ EEC นำไปใช้ร่วมกับเราในการดึงดูดนักลงทุน โดยเราในฐานะเทคโนโลยีที่มีแบรนด์ (branded technology) ได้รับความไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ซึ่งพร้อมแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างมั่นใจ”

คำกล่าวนี้สะท้อนกลยุทธ์ของ AIS ที่เป็นการทำงานหลายระดับอย่างมีนัยสำคัญ:

  1. ระดับนโยบาย: ทำงานร่วมกับ EEC เพื่อใช้ความพร้อมของ Digital Infrastructure ของ AIS เป็น “แบรนด์เทคโนโลยี” ในการเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ
  2. ระดับนิคมอุตสาหกรรม: สร้างความร่วมมือเชิงลึกกับเจ้าของพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการตลาดของแต่ละนิคมฯ ที่ต้องแข่งขันกันดึงดูดโรงงาน
  3. ระดับโรงงาน: ส่งทีมวิศวกรเข้าไปทำงานใกล้ชิด เพื่อออกแบบโซลูชันแบบ “Customize” ให้เหมาะกับแต่ละโรงงานโดยเฉพาะ ไม่ใช่การขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม: กรณีศึกษา “อมตะ เน็ตเวอร์ค” และการใช้งานจริง

กลยุทธ์ดังกล่าวถูกทำให้เป็นรูปธรรมผ่านความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับพันธมิตร

คุณวิวัฒน์ กรมดิษฐ์  จากอมตะ เล่าถึงวิสัยทัศน์การสร้าง “Perfect City” ที่เป็นมากกว่านิคมอุตสาหกรรม และเน้นว่า “มันจะสมาร์ทไม่ได้เลย ถ้าไม่มีเน็ตเวิร์คมาช่วย” โดยเฉพาะการดึงดูดธุรกิจมูลค่าสูงอย่าง Data Center ซึ่งต้องการความเสถียรของอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าสูงสุด

คุณสมภพ ได้ให้รายละเอียดในการดำเนินงานร่วมกับอมตะว่า:

  • ความพร้อมของโครงข่าย: การที่อมตะมีความพร้อมด้านที่ดินและสาธารณูปโภค ทำให้ AIS สามารถเข้าไปพัฒนาโครงข่าย Fiber Optic เพื่อรองรับ Data Center ระดับโลกที่ต้องการ เส้นทางเข้า-ออกถึง 5 เส้นทาง และต้องเป็นแบบใต้ดินทั้งหมด ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายและทำให้ AIS ได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพไปพร้อมกัน
  • การันตีคุณภาพ: ความร่วมมือในนาม “อมตะ เน็ตเวอร์ค” มีการตั้ง KPI ด้านความเสถียรของเครือข่ายไว้สูงถึง 99.99% และสามารถทำได้ต่อเนื่องทุกปี

  • การใช้งานจริงในโรงงาน: คุณสมภพ ได้ยกตัวอย่าง “สยามโตโยต้า” ที่มีปัญหาอินเทอร์เน็ตเมื่อย้ายผังโรงงาน AIS ได้เข้าไปแก้ปัญหาด้วย 5G Private Network และ IoT ทำให้สามารถควบคุมและเก็บข้อมูลการใช้พลังงานจากเครื่องจักรได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องเดินสายใหม่ ซึ่งถือเป็นโซลูชันสำหรับโรงงานที่มีเครื่องจักรเดิมอยู่แล้ว

กลยุทธ์สำหรับภาคท่องเที่ยว: “ความเสถียร” คือหัวใจสำคัญ

สำหรับภาคท่องเที่ยว คุณวสิษฐ์ชี้ว่า กลยุทธ์สำหรับภาคตะวันออกโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว จะเน้นที่ ‘Reliability’ หรือความน่าเชื่อถือของเครือข่าย เนื่องจากเกาะต่างๆ อยู่ใกล้กัน แต่มีความคาดหวังด้านการใช้งานสูง

คุณสมภพ ได้ขยายความในเชิงปฏิบัติการว่า AIS ทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความเสถียรสูงสุด:

  • โครงข่ายสำรอง (Redundancy): บนเส้นทางเดินเรือและบนเกาะต่างๆ AIS มีการวางโครงข่ายทั้ง เคเบิลใต้น้ำ (Submarine Cable) และมีไมโครเวฟ (Microwave) เป็นระบบสำรอง เพื่อให้มั่นใจว่าหากเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งขัดข้อง การสื่อสารจะไม่สะดุด
  • ภารกิจสำเร็จที่เกาะกูด: คุณสมภพเล่าถึงความสำเร็จในการขยายเครือข่าย “เน็ตบ้าน” หรือไฟเบอร์ไปถึงเกาะกูดได้สำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาพื้นที่ที่เคยสัญญาณเข้าถึงยากให้มีเครือข่ายที่สมบูรณ์

บทสรุป

จากข้อมูลและวิสัยทัศน์ที่เราสัมผัสได้นั้น สะท้อนให้เห็นว่า AIS ได้ก้าวข้ามบทบาทของผู้ให้บริการโทรคมนาคมแบบดั้งเดิมไปแล้ว  แต่วางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้สร้างและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ กลยุทธ์ทั้งระบบ—ตั้งแต่ร่วมกับรัฐเพื่อดึงนักลงทุน สร้างพันธมิตรกับเอกชน ไปจนถึงออกแบบโซลูชันเฉพาะโรงงาน—ทั้งหมดนี้มุ่งเป้าเพื่อพิสูจน์ว่าเครือข่ายดิจิทัลที่ชาญฉลาดและเสถียรไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเทียบเท่ากับไฟฟ้าและประปา สำหรับการแข่งขันยุคใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ภาคตะวันออกพร้อมทะยานสู่การเป็นต้นแบบของเมืองอัจฉริยะและศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งอนาคตของภูมิภาคต่อไป

Comments

comments