ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ร่วมเปิดมุมมอง Future Safety Symposium : Innovating Industrial Safety – นวัตกรรมความปลอดภัย เพื่ออนาคตไทยยั่งยืน ในงาน BOILEX ASIA AND PUMPS & VALVES ASIA 2025 ชูจุดแข็งการใช้นวัตกรรมโซลูชั่น “EcoStruxure™ Advanced Process Control (APC)” ตอบโจทย์เซฟตี้กลุ่มอุตสาหกรรม

นายประสิทธิ์ กานตกุล ผู้อำนวยการและรองประธานฝ่ายธุรกิจคลัสเตอร์อุตสาหกรรมและระบบอัตโนมัติ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมเปิดมุมมองเกี่ยวกับ Future Safety Symposium : Innovating Industrial Safety – นวัตกรรมความปลอดภัย ในงาน BOILEX ASIA AND PUMPS & VALVES ASIA 2025 ว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค พบข้อมูลที่ระบุถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรมมาจากความผิดพลาดของคนมากกว่าร้อยละ 80 ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ขาดการอบรมทักษะความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่เป็นระบบ 

ขณะเดียวกันข้อมูลจาก International society of automation  (ISA) ชี้ว่าร้อยละ 30-40 ของสัดส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงงานมาจากการอ่านข้อมูลที่คาดเคลื่อนซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจ ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมสร้างความท้าทายใหม่ๆ ส่งผลกระทบต่อผู้ควบคุม (Operator) เช่น โรงงานที่ใหญ่และซับซ้อนขึ้นทำให้ผู้ควบคุมต้องเผชิญกับปริมาณข้อมูลและระบบเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดภาระในการเฝ้าระวังสูงขึ้นและในทางกลับกันความเข้าใจโดยรวมของระบบทั้งหมดกลับลดลง ผู้ควบคุมอาจเชี่ยวชาญในส่วนย่อยๆ แต่ก็อาจประสบปัญหาในการทำความเข้าใจภาพรวม ทำให้การวินิจฉัยปัญหาที่ซับซ้อนทำได้ยากขึ้น

ดังนั้นการออกแบบหน้าจอแสดงผลข้อมูล หรือ HMI (Human-Machine Interface) ที่เข้าใจได้ง่ายและสังเกตเห็นความผิดปกติได้ทันทีจะช่วยลดปัญหาการอ่านข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้ รวมถึงการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานในการปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่ นอกจากนี้การจัดระบบข้อมูลที่ดีจะส่งผลต่อการรับรู้สถานการณ์และการตัดสินใจ เนื่องจากขนาดของอุตสาหกรรมที่ใหญ่ขึ้นมีการส่งข้อมูลจำนวนมากที่หลากหลาย ทำให้การนำมาแสดงผลค่อนข้างซับซ้อน 

สิ่งที่ผู้ใช้งานได้รับ 2 ส่วน คือ 1.สามารถตรวจจับความผิดปกติก่อนที่จะเกิดการแจ้งเตือนได้ดีกว่าการใช้แบบเดิมถึง 5 เท่า ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลก่อนที่จะเกิดการแจ้งเตือนได้ โดยตรวจสอบข้อมูลได้ดีถึงร้อยละ 96 ใช้เวลาเร็วขึ้นในอัตราร้อยละ 41 และ 2.กรณีเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ระบบจะแจ้งลำดับขั้นตอนการแก้ไขปัญหาให้ผู้ใช้ทราบอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้การแก้ไขปัญหาสำเร็จสมบูรณ์ได้เร็วขึ้น ช่วยลดความสูญเสียที่ร้ายแรงขึ้นได้ 

โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีโซลูชั่นที่เรียกว่า EcoStruxure™ Advanced Process Control หรือ APC โดยปรับการทำงานเชิงรุกและช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบควบคุมแบบกระจาย (Distributed Control Systems) หรือ DCS ที่มีอยู่เดิม เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่คอยตรวจสอบสภาพโรงงานอย่างต่อเนื่องและคาดการณ์แบบเรียลไทม์ โดยวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการเชื้อเพลิงและอากาศ การกระจายอากาศ หรืออัตราโหลด มีปฏิสัมพันธ์กับตัวแปรสำคัญๆ ของโรงงาน เช่น ความดัน อุณหภูมิ หรือการปล่อยมลพิษอย่างไร จากนั้นจึงปรับให้เหมาะสมพร้อมกันเพื่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นสูงสุด

“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มองว่า ความปลอดภัยคือการเดินทางที่มีความท้าทายและต้องเรียนรู้พัฒนาทักษะอย่างสม่ำเสมอ เพราะผู้ใช้เทคโนโลยีคือกุญแจสำคัญ และความปลอดภัยไม่ใช่เกิดขึ้นแล้วจึงแก้ไข แต่เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขก่อนที่มันจะเกิด การเข้าถึงข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนที่ทำให้องค์กรยั่งยืนได้” นายประสิทธิ์ กานตกุล ผู้อำนวยการและรองประธานฝ่ายธุรกิจคลัสเตอร์อุตสาหกรรมและระบบอัตโนมัติ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว

 

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกช่วยให้ทุกคนได้ใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน ที่ชไนเดอร์ เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรที่เชื่อมั่นได้ ทั้งในด้านการสร้างความยั่งยืนและสร้างประสิทธิภาพ

เราเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยรวมความเชี่ยวชาญชั้นนำทั่วโลกทั้งในด้านพลังงานไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และการปฏิรูปสู่ดิจิทัล เพื่อสร้างอุตสาหกรรมอัจฉริยะ โครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น ศูนย์ข้อมูลที่รองรับอนาคต อาคารอัจฉริยะ และบ้านที่สะดวกสบาย พร้อมด้วยความรู้เชิงลึกในสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ เรานำเสนอโซลูชัน IoT สำหรับอุตสาหกรรม ผสานขุมพลัง AI ในแบบ end-to-end ตลอดอายุของผลิตภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกันได้ด้วย IoT ระบบอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์และบริการ รวมไปถึงเทคโนโลยี digital twins เพื่อสร้างผลกำไรที่เติบโตให้แก่ลูกค้าของเรา

เราคือบริษัทที่ใส่ใจในบุคลากร มีพนักงาน 150,000 คน และมีพันธมิตรคู่ค้ามากกว่า 1 ล้านราย มีการดำเนินงานครอบคลุมมากกว่า100 ประเทศ เพื่อให้ความมั่นใจว่าเราอยู่ใกล้ชิดลูกค้าและบุคลากร องค์กรที่เกี่ยวข้อง พวกเรายอมรับในความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กรในทุกสิ่งที่เราทำ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายที่สำคัญของเรา ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน https://www.se.com/th/th/

Comments

comments