เทรนด์ไมโครสามารถทำผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ได้แข็งแกร่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท อันเป็นผลจากธุรกิจด้านการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดจ์

กรุงเทพมหานคร – บริษัทเทรนด์ไมโคร (TYO: 4704; TSE: 4704) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ร่วมกับผลการดำเนินงานตลอดปีงบประมาณ 2019 ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา

ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 นั้น เทรนด์ไมโครสามารถทำผลประกอบการประจำไตรมาสได้แข็งแกร่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาของบริษัท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตในทุกภูมิภาคทั่วโลก และจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอัตราการเติบโตที่มากถึง 15% ของยอดขายโดยรวมของกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทอย่างด้านการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดจ์ นอกจากนี้ จำนวนลูกค้าเชิงพาณิชย์ที่ใช้โซลูชั่นแบบ SaaS ก็ยังมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าผู้ที่ใช้โซลูชั่นแบบ On-Premise แบบเดิมเสียอีก ซึ่งถ้าพิจารณาแบบปีต่อปีแล้วพบอัตราการเติบโตมากถึง 20% เลยทีเดียว ผลประกอบการเหล่านี้เกิดขึ้นจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2019 ของเทรนด์ไมโคร แสดงให้เห็นได้ชัดมากถึงความเป็นผู้นำในการปกป้ององค์กรที่ใช้สภาพแวดล้อมการทำงานบนคลาวด์

“เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเติบโตที่แข็งแกร่งมากในปี 2019 โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งพิสูจน์ถึงความถูกต้องของการหันมาให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการปฏิวัติทางดิจิตอลขึ้นไปบนคลาวด์ได้เป็นอย่างดี ความทุ่มเทในการเป็นเลิศด้านคลาวด์ของเรานั้นได้รับผลตอบแทนที่ชัดเจนมากผ่านการพัฒนาโซลูชั่นด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ที่ช่วยให้ลูกค้าปกป้องสภาพแวดล้อมการทำงานของตัวเองได้ทุกที่ ไม่ว่าจะมีระบบตั้งอยู่ที่ไหนก็ตาม” อีวา เฉิน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเทรนด์ไมโครกล่าว “เราทราบดีว่าการที่ปิดยอดประจำปีได้อย่างแข็งแกร่งนี้ไม่ได้หมายความว่างานของเราจบแล้ว เนื่องจากอันตรายต่างๆ ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ เช่นเดียวกับความจำเป็นในการทำงานของเรา โดยเฉพาะจากภาวะการขาดแคลนแรงงานผู้ที่มีทักษะที่เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน อีกทั้งลักษณะของธุรกิจและเทคโนโลยีในปัจจุบันต่างตอกย้ำความสำคัญของความสามารถในการมองเห็น, การตรวจจับ, และตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยอย่างทั่วถึงทั้งระบบด้วย เราจึงมีภารกิจในการบริการโซลูชั่นอย่างต่อเนื่องที่ออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจทั้งหลายได้ความสามารถในการมองเห็นที่กว้างมากขึ้น ลดการแบ่งแยกฐานข้อมูลด้านความปลอดภัยเพื่อตรวจจับการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น ที่มิเช่นนั้นอาจบุกรุกเข้ามาได้แบบที่ไม่มีใครตรวจพบ”

สำหรับไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมานั้น ทางเทรนด์ไมโครได้รายงานยอดขายรวมสุทธิทั้งหมดที่ 44,261 ล้านเยน (หรือคิดเป็น 406 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 108.82 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ฯ) ขณะที่แสดงรายได้จากการดำเนินงานไว้ที่ 8,528 ล้านเยน (หรือ 78 ล้านดอลลาร์ฯ) และรายรับสุทธิที่ปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเท่ากับ 5,623 ล้านเยน (หรือ 51 ล้านดอลลาร์ฯ) ในไตรมาสนี้ และเมื่อพิจารณาตลอดทั้งปีงบประมาณ 2019 ทางเทรนด์ไมโครก็ได้รายงานยอดขายสุทธิรวมทั้งหมดมากถึง 165,195 ล้านเยน (หรือคิดเป็น 1,515 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 108.98 เยนต่อดอลลาร์ฯ) รวมทั้งบริษัทยังระบุรายรับจากการดำเนินงานอยู่ที่ 37,686 ล้านเยน (หรือ 345 ล้านดอลลาร์ฯ) และรายรับสุทธิที่ปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเท่ากับ 27,946 ล้านเยน (หรือ 256 ล้านดอลลาร์ฯ)

ซึ่งถ้าอ้างอิงจากข้อมูลที่บริษัทมีอยู่ในขณะนี้ จะสามารถคาดการณ์ตัวเลขยอดจำหน่ายสุทธิเมื่อจบปีในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 ได้ที่ 174,200 ล้านเยน (หรือ 1,598 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 109 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ฯ) ส่วนรายรับจากการดำเนินงาน และรายรับสุทธิก็คาดว่าจะได้เท่ากับ 37,700 ล้านเยน (หรือ 345 ล้านดอลลาร์ฯ) และ 27,300 ล้านเยน (หรือ 250 ล้านดอลลาร์ฯ) ตามลำดับ

เกี่ยวกับเทรนด์ไมโคร

เทรนด์ไมโคร ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้มุ่งมั่นในการทำให้โลกของเราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอลได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยได้พัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ทั้งระดับคอนซูเมอร์, ระดับธุรกิจ, และหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์, การทำงานบนคลาวด์, เน็ตเวิร์ก, และเอนด์พอยต์ ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถแบ่งปันข้อมูลด้านความปลอดภัยระหว่างกันได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับอันตรายทางไซเบอร์ได้ด้วยความสามารถในการมองเห็นและตรวจสอบจากศูนย์กลาง เพื่อให้ปกป้องระบบโดยรวมได้ดียิ่งขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น ด้วยเจ้าหน้าที่มากกว่า 6,000 คนจาก 50 ประเทศ รวมทั้งเครือข่ายค้นคว้าวิจัยด้านความปลอดภัยที่ถือว่าล้ำหน้าที่สุดในโลกนี้ ทำให้เทรนด์ไมโครสามารถช่วยปกป้ององค์กรทั่วโลกให้เชื่อมต่อระหว่างกันได้อย่างปลอดภัย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.trendmicro.com

Comments

comments