ตอนนี้ใคร ก็ Live ก็ Share ผ่านเน็ต นอกเหนือไปจากจะพูดคุยเมาท์มอยหากันผ่านแอปหรือแพลตฟอร์มสื่อสารต่าง มากขึ้น ที่คุ้นและเป็นที่นิยมก็มี  Facebook Messenger, LINE Call, FaceTime ใน iPhone และอีกมากมายหลายแอป ซึ่งการใช้โทรศัพท์ไปกับกิจกรรมหรือพฤติกรรมออนไลน์เหล่านี้สอดคล้องกับข้อมูลจากรายงานล่าสุดของ We are social เดือนตุลาคมปีนี้ พบว่าคนทั่วโลกใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 7.4% หรือราว  321 ล้านคน  แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสนใจว่าการกดเบอร์โทรหากันนั้นยังได้รับความนิยม ข้อมูลจากกสทช.ช่วงเมษายนที่ผ่านมา เผยว่าคนไทยยังโทรหากันผ่านหมายเลขโทรศัพท์ถึง 70% จากกลุ่มผู้ใช้บริการเติมเงิน แม้วันนี้เรากำลังขยับใกล้ไปที่ยุค 5G แต่ก็ยังมีผู้ใช้มือถือจำนวนมาก ที่เคยเจอกับช่วงเวลาที่เน็ตกระตุกหรือโทรไม่เสถียรและทำให้ประสบการณ์การ Video Call หรือ Call  ผ่านเสียงปกติหากันออกอาการติด ดับ เสียงมา หาย ใครที่เจอแบบนี้ ก็ต้องมีหัวร้อนกันบ้าง FINN MOBILE จึงรวบรวม 6 แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณมือถือ แบบทำเองง่าย ไม่ต้องง้อ Call Center มาให้ดังนี้

 

1. อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด หลายคนเคยได้รับข้อความให้อัปเดตซอฟต์แวร์ผู้ให้บริการ ซึ่งการอัปเดตนี้รวมถึงการบอกด้วยว่าอุปกรณ์เราไปเชื่อมต่อที่เสาสัญญาณใด เพราะส่งผลโดยตรงต่อการเชื่อมต่อ หรือถ้าไม่แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วหรือยัง ลองเช็คที่ Android หรือ iPhone ซึ่งปัจจุบัน เวอร์ชั่น อัปเดตล่าสุดในเวลานี้คือ Android 11 & iOS 14.2

 

2. ปิดบริการ/แอปฯ ที่ไม่ได้ใช้งาน พวกบริการ ไวไฟ (Wi-Fi) บลูทูธ (Bluetooth) หรือ เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระยะใกล้อย่าง Near-Field Communication (NFC) รวมถึงการอนุญาตให้อุปกรณ์อื่น  มาใช้แบนด์วิธที่จำเป็น เพราะบริการพวกนี้มีผลกระทบต่อการส่งสัญญาณการโทรหรือไม่ก็ดาต้าเน็ตไปยังบริการอื่น  ลองปิดและดูว่าสัญญาณมือถือเราดีขึ้นไหม

 

3. เปิดปิด โหมด Airplane เพื่อรีบูทสัญญาณเอง ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ถ้ามั่นใจว่าอยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณชัดเจน แต่โทรศัพท์กลับใช้ไม่ได้ ลองเปิดและปิดโหมด Airplane ดู การทำแบบนี้เป็นการบังคับให้โทรศัพท์ของเราเชื่อมต่อเครือข่ายเซลลูลาร์ใหม่

 

4. อย่าใช้เพลินจนแบตต่ำจนถึงขีดแดง เพราะเมื่อโทรศัพท์พยายามเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณที่ใกล้ที่สุดจะต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ถ้าแบตเราใกล้หมดจะพบว่าการค้นหาสัญญาณนั้นทำได้ยากกว่าปกติมาก เนื่องจากโทรศัพท์ถูกตั้งโปรแกรมให้ใช้พลังงานน้อยลงในกระบวนการนี้เพื่อเซฟพลังงานให้มากที่สุดก็จะทำให้การรับสัญญาณได้ไม่ดี หากใครที่ต้องใช้โทรศัพท์ต่อเนื่อง หรือเดินทางบ่อย ก็เตรียมแบตสำรองให้พร้อม

 

5. ออกห่างจากจุดที่มีคนใช้มือถือหนาแน่น จำได้ไหมว่ามือถือสัญญาณหายเมื่อไร? ที่ไหน? ใช่ตอนที่อยู่ในคอนเสิร์ตหรือในสนามบอลระหว่างเกมบิ๊กแมตช์รึเปล่า? แน่นอนสถานที่เหล่านี้มีผู้คนนับพัน ถ้ามีคนใช้มือถือในเวลาเดียวกันและเกาะเสาสัญญาณเดียวกันก็ทำให้ traffic หนาแน่นและเกิดอาการโทรออกยาก เล่นเน็ตไม่เสถียร หรือส่งข้อความไม่ไปก็จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นแค่ออกจากฝูงชน  จุดนั้น แล้วไปหาที่ คนไม่หนาแน่น แล้วค่อยลองอีกทีน่าจะดีขึ้น

 

6. ถอดและใส่ซิมการ์ดใหม่ ถ้าทำทุกวิถีทางข้างบนแล้วไม่ได้ผล ลองปิดหรือชัตดาวน์โทรศัพท์ ถอดซิมการ์ดออกจากเครื่อง จากนั้นเช็ดเบา ด้วยผ้าแห้งแล้วใส่เข้าไปใหม่ ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมบนซิมมีผลทำให้การเชื่อมต่อไม่ดีได้ จากนั้นแค่รีสตาร์ท แต่ควรระวังว่าต้องทำอย่างระมัดระวังและให้แน่ใจว่าไม่มีท่อน้ำอยู่ตรงนั้นตอนถอดซิมการ์ด

 

และสำหรับใครที่ชื่นชอบการโทรเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะใช้ติดต่องาน หรือติดต่อคนรู้จัก แล้วนาทีโทรในแพ็กเกจไม่เพียงพอในแต่ละเดือน วันนี้ FINN MOBILE ได้เพิ่มแพ็กเกจเสริมใหม่ล่าสุดVoice Topping” ให้เลือกเติมนาทีโทรได้ตามใจ สามารถสลับสับเปลี่ยนการเติมได้ทุกเดือนตามความต้องการ ถ้ารู้ว่าเดือนหน้างานมารอเพียบต้องใช้มือถือประสานงานรัว ก็เลือกเติมเยอะ แต่เดือนถัดไปงานน้อย เรียนไม่เยอะ ก็เติมน้อยลง เพราะไม่ว่าจะเติมเยอะหรือเติมน้อย ก็จ่ายในราคาเบา แต่ฟินได้ยาว โดยมี 3 ราคาสุดคุ้มให้เลือกเติม สำหรับผู้ใช้แพ็กเกจ FINN Lite และ FINN Max เติมนาทีโทรไปเม้าท์เพลิน ดังนี้

 

แบบแรก คุ้มพอเพียง ในราคา 60 บาท รับโทรเพิ่ม 100 นาที (หรือเฉลี่ยตกนาทีละ 60 สตางค์)

แบบสอง คุ้มพอดี ในราคา 150 บาท รับโทรเพิ่ม 300 นาที (หรือเฉลี่ยตกนาทีละ 50 สตางค์)

แบบสาม คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ในราคา 220 บาท รับโทรเพิ่ม 600 นาที (หรือเฉลี่ยตกนาทีละ 37 สตางค์)

 

ข้อสังเกตเพิ่มเติม ถ้าจะเติมนาทีโทร อย่าลืมเข้าไปปิด ควบคุมการใช้จ่ายเกินแพ็กเกจ บนหน้าเว็บไซต์ FINN MOBILE หรือ แอปพลิเคชั่น FINN MOBILE ก่อนเติม จากนั้นค่อยไปที่เลือกแพ็กเกจเสริม ตามหน้า dashboard รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกได้ที่ https://bit.ly/3mdcSlv

 

นอกจากนี้ผู้ใช้แพ็กเกจ FINN Max และ FINN Lite ของ FINN MOBILE ยังได้รับเน็ตฟรีไม่อั้น ไม่จำกัด ความเร็ว 10 Mbps ไม่ว่าจะใช้แอปฯ Netflix YouTube ดูหนัง ฟังเพลงแบบ HD เพลิน หรือ Live สด ขายของ เล่นโซเชียลข้ามวัน ผ่านแอปฯ  Facebook Tiktok หรือจะตั้งตี้ตีป้อมมันส์ กับเพื่อน ก็ใช้ได้ไม่ต้องกังวลเน็ตหมด เพียงพอต่อการใช้งานเน็ตแบบฟิน ของทุกคน ที่สำคัญ FINN MOBILE ไม่มีสัญญาผูกมัดใด และยังมอบความสะดวกให้ลูกค้าสามารถจัดการทุกอย่างได้เองผ่านออนไลน์ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ซื้อซิม เลือกเบอร์ ปรับเปลี่ยนแพ็กเกจตามต้องการ ซื้อแพ็กเกจเสริม หรือจ่ายค่าบริการ ผ่านออนไลน์ 24 ชั่วโมง ที่เว็บไซต์ของ FINN MOBILE (www.finnmobile.io) และ FINN MOBILE แอปพลิเคชัน

Comments

comments