“ดีแทค บิสิเนส” จัดเต็ม พัฒนาระบบ MPBX โดย dtac OneCall โซลูชันการสื่อสารสำหรับธุรกิจทุกขนาด ทั้งเอสเอ็มอีและลูกค้าองค์กร ง่ายและถูกเหมือนยกคอลเซ็นเตอร์เคลื่อนที่ดูแลลูกค้า ชู 5 ไฮไลท์ฟีเจอร์ช่วยธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Omni-channel อย่างไร้รอยต่อ พร้อมระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในครั้งต่อไป ต่อยอดสู่การทำตลาดแบบ Personalization ในยุคที่ผู้บริโภคออนไลน์ตลอดเวลา รอไม่ได้ บอกต่อประสบการณ์ และต้องการพูดคุยกับเเบรนด์มากขึ้น เพื่อปลดล็อกกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ลูกค้าอย่างเหนือระดับ ตอกย้ำบทบาทเพื่อนคู่ใจธุรกิจ Social Commerce

นางสาวสิริยา มงคลจันทร์ หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร กลุ่มงานธุรกิจ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “วิกฤตโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แนวโน้มสำคัญ ได้แก่ 1. ออนไลน์ตลอดเวลา (Always- Connect) 2. วัฒนธรรม “เดี๋ยวนี้” (Want-it-now culture)  รอไม่ได้ 3. บอกต่อประสบการณ์ (Always Share Experience) กับคนรอบข้างหรือพื้นที่โซเชียลมีเดีย ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี และ 4. ลูกค้าพร้อมเปลี่ยนแบรนด์ทันทีหากเผชิญกับประสบการณ์หรือข้อมูลที่ไม่ดี ในยุคที่ธุรกิจมีการแข่งขันอย่างรุนแรง หากต้องการอยู่เหนือคู่แข่ง จึงไม่ได้จำกัดเพียงแค่เรื่องราคาหรือตัวสินค้าเท่านั้น แต่ต้องสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในลูกค้าปัจจุบัน และให้บริการที่เหนือระดับ เพื่อให้พวกเขาส่งต่อและแนะนำ เป็นโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่”

สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีด้วย dtac OneCall ระบบ MPBX

โดยระบบ MPBX เวอร์ชั่นใหม่ของdtac OneCall นี้ ทีมดีแทค บิสิเนสได้พัฒนาไฮไลท์ฟีเจอร์ที่จะยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เหนือชั้น สร้างระบบคอลเซ็นเตอร์บนมือถือ ช่วยพัฒนาธุรกิจใหม่เติบโตในยุคดิจิทัลด้วยกัน ตัวอย่างเช่น

  • ระบบตอบรับอัตโนมัติ (Interactive Voice Response: IVR) ซึ่งสามารถให้รายละเอียดสินค้าและบริการแก่ลูกค้าตลอดเวลา ตอบโจทย์การให้ข้อมูลและวัฒนธรรม Want-it-now ลดปริมาณการโทรในช่วงที่มีปริมาณการโทรหนาแน่น นอกจากนี้ ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์อีกด้วย
  • ระบบอัดเสียงสนทนา (Voice Recording) ที่ช่วยให้ผู้บริหารแบรนด์ไม่พลาดทุกปัญหา พร้อมบริการได้ทุกจุด วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง
  • ระบบกำหนดกลุ่มผู้รับสายตามเงื่อนไข (Call Hunting) เป็นตัวช่วย ให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่พร้อมรับทุกสายเรียกเข้า ไม่พลาดทุกสายสำคัญ ก่อให้เกิดประสปการณ์ที่ดีทั้งการเข้าถึงง่ายและความรวดเร็วในการให้บริการ
  • ระบบคิวรอสาย (Call Queuing) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่คู่สายเต็ม ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้ว่าตัวเองอยู่ในสายโดยไม่จำกัดจำนวนการรอสาย (Unlimited concurrence) ไม่ต้องโทรซ้ำ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
  • ระบบวิเคราะห์การใช้งาน (Call Reporting and Analytics) อีกหนึ่งไฮไลท์ฟีเจอร์ช่วยให้แบรนด์เติบโตให้ยุคข้อมูล สามารถวิเคราะห์คุณภาพการให้บริการได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนการทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงหรือ personalization ลดต้นทุนทำการตลาดและสร้างยอดขายที่ดีในอนาคต

“การมีระบบ MPBX เปรียบเหมือนการสร้างระบบ Hotline หรือคอลเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ ตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจลูกค้า สร้างประสบการณ์ลูกค้าอย่างเหนือระดับ ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่าย จัดการได้ด้วยตัวเอง ไม่มีพลาดทุกสายสำคัญ ระบบเสียงสถียร คมชัดไม่สะดุด ตั้งค่าเบอร์กลางของบริษัทได้ทั้งเบอร์มือถือ เบอร์ 4 หลัก หรือเบอร์ 02 ก็ได้ เพิ่มภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือแก่แบรนด์อย่างไร้รอยต่อ” นางสาวสิริยา อธิบาย

นอกจากนี้ ระบบ MPBX นี้ ยังช่วยเสริมศักยภาพทางธุรกิจในยุคดิจิทัล 4 ด้าน ได้แก่ 1. ความคล่องตัวในการทำงานให้สามารถให้บริการได้ทุกที่ 2. ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับตู้สาขา PBX ไม่เสียค่าเดินสายและดูแลระบบ ลดต้นทุนบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เลือกแพ็กเก็จที่เหมาะกับการใช้งานจริงได้ 3. ตอบสนองเทรนด์ Hybrid Workplace และ 4. เพิ่มภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพสำหรับทุกธุรกิจ

สำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจระบบ MPBX โดยโซลูชั่น dtac OneCall สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ dtac business Customer Center โทร 1431 กด หรือ https://business.dtac.co.th/th/blogs/get-easier-with-mobile-pbx

 

Comments

comments