AIS กับภารกิจ “ใส่สมองให้เครือข่าย” พลิกโครงข่ายสู่ระบบอัจฉริยะที่คิดได้เอง ดูแลได้เอง พร้อมเปิดทางต่อยอดสู่บริการแห่งอนาคต

“AIS ไม่ได้แค่ตามเทรนด์ AI… แต่ลงมือทำจริง ใช้จริง และวางระบบโครงสร้างเพื่อรองรับอนาคตจริง

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS

ในปี 2025 นี้ AIS ได้ยกระดับโครงสร้างเครือข่ายจากระบบสื่อสารธรรมดา สู่ เครือข่ายที่ฉลาดและทำงานได้อัตโนมัติ พร้อมตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน ทีมปฏิบัติการ และภาคธุรกิจในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วย AI

โครงสร้างนี้ไม่ใช่เพียงการปรับปรุงระบบ แต่คือการ “ใส่สมองให้กับเครือข่าย” ด้วยกรอบแนวคิดหลัก 4 ด้าน ที่กลั่นมาจากการใช้งานจริง

1. AI for Customer Experience

ดูแลลูกค้าแม่นยำ รวดเร็ว และคาดการณ์ได้ล่วงหน้า

AIS ใช้ AI ผสานกับระบบ Digital Twin เพื่อวิเคราะห์ประสบการณ์ของลูกค้าแบบเรียลไทม์ โดยอิงหลัก 4W:

Who: ใครคือผู้ใช้

Where: ใช้จากพื้นที่ใด

When: เวลาเกิดปัญหา

What happened: เกิดอะไรขึ้น

เมื่อระบบตรวจพบว่า ลูกค้ามีแนวโน้มจะเจอปัญหา — ระบบจะสามารถ คาดการณ์และจัดการได้ทันที แม้ลูกค้ายังไม่ติดต่อเข้ามา

“ลูกค้าไม่ต้องพูดซ้ำ ไม่ต้องอธิบายซ้ำ – ระบบรู้ก่อนแล้ว”

•ลดเวลาแก้ไขให้ได้ใน “3 คลิก”

•“อุ่นใจ” กลายเป็นผู้ช่วย AI ที่ตอบได้หลายเรื่อง

•เพิ่มอัตราการแก้ไขสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกกว่า 60%

2. AI for Operational Efficiency

ดูแลโครงข่ายให้ทำงานเองได้อัตโนมัติ แม้ไม่มีคนควบคุม

ภาพรวมที่น่าประทับใจคือ AIS ใช้ AI ให้เครือข่ายสามารถฟื้นตัวและจัดการตัวเองได้ทันทีหากเกิดปัญหา เช่น:

RAN Self-Healing

•เมื่อ Cell ล่ม AI จะสั่งให้ Cell ข้างเคียงขยายสัญญาณชดเชยแบบอัตโนมัติ

•ใช้จริงในเหตุการณ์น้ำท่วมที่เชียงใหม่ และสามารถรักษาการใช้งานลูกค้าไว้ได้เกือบทั้งหมด

Load Balancing & Traffic Prediction

•หาก Cell หนาแน่น AI จะช่วยกระจายโหลดไปยัง Cell ที่ว่างใกล้เคียงทันที

•ลดความแออัดของเครือข่ายโดยไม่ต้องมีคนสั่ง

“เรารู้ว่าปัญหาจะเกิดเมื่อไร… และสั่งให้เครือข่ายหลบหลีกหรือชดเชยให้ทันที”

ผลลัพธ์:

•ลดผลกระทบจาก outage ลง 20%

•เพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ~10%

3. AI for Sustainability

ใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ลดคาร์บอน และยืดอายุระบบ

AIS เป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ของประเทศ ระบบ AI จึงถูกนำมาบริหารพลังงานแบบ ไดนามิก 24/7 ได้แก่:

•วิเคราะห์ว่าเมื่อไรควรเปิด/ปิดสถานีฐานอัตโนมัติ

•ใช้ระบบ RAN Optimization Agent ที่ผสาน AI + Digital Twin

•ประหยัดพลังงานในช่วงเวลาที่ไม่จำเป็น โดยไม่กระทบการใช้งานจริง

“เราไม่ได้ลดแค่การใช้พลังงาน… แต่ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ในระดับโครงข่าย”

4. AI for New Services

เปิดตัวบริการใหม่ “AI Calling” ครั้งแรกของโลก

เมื่อโครงข่ายฉลาดพอ การสร้างบริการใหม่ก็เกิดขึ้นได้จริง และหนึ่งในไฮไลต์ที่ AIS เตรียมเปิดตัวกลางปีนี้คือ

AIS AI Calling

บริการแปลภาษาแบบ Voice-to-Voice Real-time Translation ระหว่างโทรศัพท์ — ครั้งแรกของโลก

•พูดไทย ปลายสายได้ยินเป็นอังกฤษ หรือจีน — แบบเรียลไทม์

•ไม่ต้องติดตั้งแอป ใช้งานได้ผ่านเครือข่ายโดยตรง

•เริ่มใช้งานบนสมาร์ตโฟน Huawei ก่อนขยายสู่ทุกอุปกรณ์

•รองรับการสื่อสารระหว่างนักท่องเที่ยว, ธุรกิจ, หน่วยงานบริการ

“Global First — AIS คือรายแรกของโลกที่เปิดให้ใช้งานจริง”

โครงสร้างเบื้องหลัง: ไม่ใช่แค่ปรับปรุง แต่ “เปลี่ยนใหม่ทั้งระบบ”

AIS ได้ออกแบบ “สมองกลางของเครือข่าย” ผ่านสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า AIS AN L4 Target Architecture

โดยมีการจัดวางทุกชั้นของระบบให้พร้อมรองรับการตัดสินใจอัตโนมัติ ดังนี้:

Resource Layer: เครือข่ายพื้นฐานที่มี Data Perception และ Simulation

Service Layer: ระบบจัดการปัญหา/คุณภาพ พร้อม AI Agent ทำงานแทนคน

Platform Layer: ใช้ LLM (Large Language Model) ทำงานแบบเรียนรู้จากสถานการณ์จริง

Digital Twin: จำลองเครือข่ายทั้งหมดเพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำ

AIS กับการก้าวสู่เครือข่ายระดับโลก

AIS เป็นโอเปอเรเตอร์ไทยรายแรกที่ผ่านการประเมินระดับ Autonomous Network L3.2 จาก TM Forum

และกำลังเดินหน้าเต็มที่เพื่อไปสู่ระดับ L4 ที่ระบบสามารถ “คิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และลงมือทำ” ได้ด้วยตัวเอง

บทสรุป: จากโอเปอเรเตอร์สู่ Cognitive Tech-Co – AIS กับภารกิจวาง “ระบบคิด” ให้โครงข่าย

AIS ไม่ได้เพียงแค่ “ใช้ AI” เพื่อให้ทันกระแส แต่เลือกลงทุนลงแรงเพื่อพัฒนา “โครงสร้างที่คิดได้” อย่างแท้จริง ทั้งในเชิงเทคโนโลยี ระบบงาน และวัฒนธรรมองค์กร

ภายใต้กลยุทธ์ 4 แกนหลัก — ดูแลลูกค้าแม่นยำ, ทำงานอัตโนมัติ, ใช้พลังงานอย่างยั่งยืน, และพร้อมเปิดบริการใหม่ — AIS ออกแบบการใช้ AI ให้ “ตอบโจทย์” และ “วัดผลได้จริง” ในระดับเครือข่าย

ความสำเร็จนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ในผลลัพธ์ภายใน แต่ยังได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก เช่น TM Forum ที่รับรองความสามารถของ AIS ในระดับ Autonomous Network L3.2 และเวทีนานาชาติอีกหลายรายการที่ให้รางวัลกับการนำ AI มาใช้จริงในภาคปฏิบัติ

AIS ไม่ได้เพียงเปลี่ยนโครงข่ายให้ฉลาดขึ้น แต่กำลังพิสูจน์ว่า “เครือข่ายที่ดีที่สุดในวันนี้” คือเครือข่ายที่คิดได้เอง เข้าใจผู้ใช้ และสามารถ “เติบโตไปพร้อมอนาคต” ได้อย่างยั่งยืน

Comments

comments