ขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางด้าน AI ระดับภูมิภาค เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ “Agentic AI” หรือเทคโนโลยี AI เอเจนต์อัจฉริยะซึ่งทำงานได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติที่สามารถดำเนินงาน ตัดสินใจ และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้โดยที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องคอยกำกับการทำงาน

เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนตลาดแรงงานดิจิทัลมูลค่าสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในบริบทของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จาก Agentic AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกและการบริหารจัดการความซับซ้อนของเทคโนโลยีอย่างรอบด้าน

ท่ามกลางกระแสของสตาร์ทอัพและโซลูชัน AI ที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (Chief Information Officer :CIO) จำเป็นต้องมองหาโซลูชันที่ให้ผลลัพธ์เชิงคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่การสาธิตเทคโนโลยีที่เน้นความน่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น

การก้าวข้ามความท้าทายในการเชื่อมโยงระบบเข้าด้วยกันและความซับซ้อนในรูปแบบอื่น ๆ ถือเป็นกลไกสำคัญในการนำ AI มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจน ดังนั้น เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) อย่างสูงสุด CIO ควรพิจารณากลยุทธ์ดังต่อไปนี้

  1. วางกลยุทธ์การใช้งานAgentic AI แบบบูรณาการ

แทนที่จะพัฒนาโครงการ AI แบบแยกส่วนเฉพาะจุด CIO ควรใช้แนวทางที่ยึดภาพรวม (Pattern-Centric Approach) โดยเน้นการระบุขั้นตอนและรูปแบบการทำงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั่วทั้งองค์กร เพื่อขยายขีดความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพแบบวงกว้างและให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ดีกว่า

AI ควรถูกมองว่าเป็นเทคโยโลยีอีกชั้นหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความชาญฉลาดในการทำงาน (Layer of Intelligence) ซึ่งหลอมรวมอยู่ในทุกกระบวนการทางธุรกิจ ไม่ใช่เพียงเครื่องมือเฉพาะทางเท่านั้น การสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างต่อการทดลองตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับปฏิบัติการ จะช่วยให้เกิดการยอมรับ AI ในองค์กรอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ การใช้แพลตฟอร์มที่สามารถรวมการทำงานหลากหลายด้านให้เป็นหนึ่งเดียวกัน สำหรับการออกแบบและปรับใช้ AI Agent ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ

  1. วางรากฐานข้อมูลให้แข็งแกร่ง

ประสิทธิภาพของ AI Agent นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อมูลที่ Agent สามารถเข้าถึงได้ องค์กรไทยที่กำลังเริ่มการเปลี่ยนผ่านสู่ Agentic AI จำเป็นต้องมีระบบที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจและ Meta Data ที่มีคุณภาพ เพื่อป้อนบริบทข้อมูลที่ถูกต้องให้ AI Agent สำหรับการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

ผลการวิจัยด้าน State of IT ล่าสุดของ Salesforce พบว่า นักพัฒนา 39% ระบุว่าคุณภาพและความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลในองค์กร ยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาและใช้งาน Agentic AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลที่โซลูชันอย่าง Data Cloud ของ Salesforce มีบทบาทสำคัญ เพราะระบบที่สามารถเชื่อมโยงการเข้าถึงข้อมูลและ Meta Data ที่สำคัญของบริษัทอย่างรวมศูนย์ จะช่วยลดความซับซ้อนของการจัดการข้อมูลแบบเดิมลงได้อย่างมาก

การจัดมาตรฐานข้อมูล (Data Standardization) ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ CIO ควรเป็นผู้นำในการผลักดัน เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง สอดคล้อง และพร้อมใช้งานในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการขจัดปัญหาระบบข้อมูลที่แยกส่วน (Silo) และการยกระดับระบบ IT พื้นฐานให้ทันสมัย เมื่อมีระบบบริหารจัดการข้อมูลที่เข้มแข็งองค์กรจะสามารถดึงเอาข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าจากข้อมูลเก่าที่เคยเก็บไว้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

ในยุคเริ่มต้นของ Big Data มีคำกล่าวที่ว่า “ข้อมูลเปรียบเสมือนน้ำมันดิบ” แต่ในยุคของ Agentic AI ข้อมูลเปรียบเสมือนออกซิเจน เพราะหากไม่มีข้อมูลที่มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอ ทั้ง AI และ AI Agent ก็จะไม่สามารถทำงานหรือพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ใช้AI อย่างมีความรับผิดชอบและสร้างความน่าเชื่อถือ

ในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบควบคุมเข้มงวด เช่น อุตสาหกรรมการเงิน การแพทย์ และในภาครัฐ CIO ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่สูงกว่าในการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบและการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด การสร้างความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีจึงมีความสำคัญมาก จากการสำรวจของ Salesforce พบว่า 52% ของ CIO ทั่วโลกระบุว่า “การขาดข้อมูลที่เชื่อถือได้” เป็นหนึ่งในความกังวลหลักต่อการนำ AI มาใช้

การสร้างความไว้วางใจต้องมาพร้อมกับความโปร่งใสในการทำงานของ AI Agent (Transparency) ความสามารถในการอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจ (Explainability) และการควบคุมกระบวนการเพื่อให้สามารถดำเนินการในขั้นตอนถัดไปได้อย่างมั่นใจ (Control)

  1. ปรับใช้AI ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ และแสดงผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม

ทักษะทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ CIO ต้องสามารถเชื่อมโยงการดำเนินงานด้าน Agentic AI ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจโดยรวม และสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า AI ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับประสบการณ์ของทั้งลูกค้าและพนักงานอย่างไร

เมื่อซีไอโอมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่วัดได้ ก็จะสามารถแสดงให้เห็นว่า AI คือสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ขององค์กร การสื่อสารถึงวัตถุประสงค์และประโยชน์ของแรงงานดิจิทัล (Digital Labor) อย่างโปร่งใสนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในแง่ที่ระบบอัตโนมัติจะสามารถช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำกันเป็นประจำให้กับพนักงาน และเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานได้อีกด้วย

  1. ให้ความสำคัญกับบทบาทของมนุษย์ในการนำAI มาใช้งาน

ปัจจุบัน CIO ต้องรับบทบาทเป็นผู้บริหารด้านการจัดการความรู้ของบริษัท หรือ “Chief Education Officer” โดยจัดการกับความท้าทายด้านวัฒนธรรมภายในองค์กรแบบเชิงรุก และขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาให้พนักงานในองค์กรเข้าใจว่า AI ไม่ได้มาแทนที่แรงงานมนุษย์ หรือมาเป็นอุปสรรคในกระบวนการทำงาน แต่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพให้กับพนักงานเพื่อให้สามารถใช้เวลากับงานเชิงกลยุทธ์ หรืองานเชิงสร้างสรรค์ และงานที่ต้องใช้ความสามารถขั้นสูง นอกจากนี้ การระบุและสนับสนุน “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Agents) ภายในองค์กร จะช่วยส่งเสริมการยอมรับและการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากระดับปฏิบัติการสู่ระดับผู้บริหาร

นอกจากนี้ การส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskilling) และยกระดับทักษะเดิม (Upskilling) อย่างต่อเนื่อง ควรถูกบูรณาการเข้าไว้ในกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล โดยเน้นทั้งความรู้เท่าทันและความสามารถในการใช้เทคโนโลยี AI (AI Literacy) ความเข้าใจถึงวิธีการทำงานร่วมกับ AI รวมถึงทักษะความสามารถของมนุษย์ เช่น การปรับตัว การทำงานร่วมกัน และความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) พร้อมทั้งกำหนดตัวชี้วัดในการยกระดับทักษะเหล่านี้อย่างชัดเจนเพื่อสะท้อนถึงความสำคัญของการเรียนรู้

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญคือ การสร้างความเชื่อมั่นในหมู่พนักงาน ด้วยการแสดงให้เห็นถึงกรณีความสำเร็จจากการทำงานร่วมกับ “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” เช่น การแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ในตั้งแต่ครั้งแรกของการติดต่อกับลูกค้า นอกจากนี้ การใช้เกมและการให้รางวัลตอบแทนเข้ามาช่วย ยังสามารถช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงานเปิดรับการใช้งาน AI ได้มากขึ้น

ขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต ด้วยความร่วมมือระหว่างมนุษย์และ AI

เพื่อปลดล็อกศักยภาพการทำงาน และสร้าง ROI ตอบแทนให้องค์กรอย่างเต็มรูปแบบผ่านการใช้ Agentic AI CIO ในไทยควรใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ที่เป็นระบบ ครอบคลุม คำนึงถึงวัฒนธรรมองค์กรและบริบทการทำงานของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทยกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การผสานรวม AI เข้ากับข้อมูลและระบบอัตโนมัติ โดยสอดรับกับสภาพตลาดในประเทศและรูปแบบของแรงงาน จะช่วยให้CIOสามารถรับมือกับความซับซ้อน จุดประกายนวัตกรรม และขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและความสำเร็จในระยะยาว

Comments

comments