พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ (NASDAQ: PANW) ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เปิดตัว Prisma® SASE 4.0 โซลูชัน SASE (Secure Access Service Edge) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และล้ำหน้าที่สุดในวงการ ทั้งยังสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยนวัตกรรมล่าสุดใน Prisma Browser ที่สามารถตรวจจับและยับยั้งภัยคุกคามบนเว็บได้ในแบบเรียลไทม์ผ่านเบราเซอร์โดยตรง ซึ่งเป็นจุดบอดสำคัญของโซลูชันยุคเก่า นอกจากนี้ยังออกแบบมาเพื่อสกัดและยับยั้งการโจมตีแบบซ่อนตัวและเข้ารหัสที่ประกอบโค้ดอันตรายขึ้นภายในเบราว์เซอร์ และสามารถหลุดรอดจาก SWG (Secure Web Gateway) แบบดั้งเดิมได้
ทุกวันนี้ เบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับองค์กร และเป็นอินเทอร์เฟซหลักในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันด้าน AI และคลาวด์ ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยในช่องทางนี้จึงไม่ใช่ส่วนเสริมอีกต่อไป เมื่อแอปพลิเคชันและข้อมูลสำคัญจำนวนมากถูกรวมศูนย์อยู่ในเบราว์เซอร์ การใช้เบราว์เซอร์ธรรมดาทั่วไปจึงไม่เพียงพอสำหรับองค์กร เนื่องจากขาดกลไกด้านความปลอดภัยที่จำเป็นในการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น Prisma SASE 4.0 มาพร้อม Prisma Browser ที่มีระบบปกป้องเว็บขั้นสูง สามารถตรวจจับและหยุดมัลแวร์ได้แบบเรียลไทม์ก่อนที่จะสร้างความเสียหาย นับเป็นปราการด่านสำคัญที่โซลูชันอื่นไม่ครอบคลุม
นอกจากนี้ Prisma SASE 4.0 ยังมาพร้อมความสามารถใหม่ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องบุคลากรยุคใหม่ขององค์กร ประกอบด้วย:
- การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเหนือชั้นด้วย AI: Prisma SASE 4.0 มอบโซลูชันการปกป้องข้อมูลแบบบูรณาการและไร้รอยต่อ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เอเจนต์ โคไพลอต และปลั๊กอิน AI ที่เข้าถึงข้อมูลองค์กรโดยตรง โดยมีการนำ AI เข้ามาช่วยจัดหมวดหมู่เพื่อคัดแยกข้อมูลที่อ่อนไหวโดยอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำในทุกฟอร์แมต ทั้งข้อมูลที่ไม่เป็นโครงสร้างและข้อมูลที่อยู่ระหว่างการใช้งาน โดยลดจำนวนผลบวกลวงได้ถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมาพร้อมโมเดลแมชีนเลิร์นนิงที่ผ่านการฝึกมาแล้วกว่า 140 รายการ และโมเดลที่ปรับแต่งเป็นการเฉพาะ เพื่อปกป้องสินทรัพย์สำคัญ เช่น สิทธิบัตร สัญญา และซอร์สโค้ด
- ระบบรักษาความปลอดภัยแอปภายในองค์กรที่ให้การปกป้องอันรวดเร็วและอัจฉริยะ: แอปพลิเคชันภายในองค์กรถือเป็นหัวใจสำคัญของหลายธุรกิจ และมักตกเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีทางไซเบอร์ ระบบป้องกันเว็บแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม (WAF) ซึ่งอาศัยกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามสมัยใหม่ที่มุ่งโจมตีแอปพลิเคชันแบบไดนามิกได้อีกต่อไป ดังนั้น Private App Security หรือระบบรักษาความปลอดภัยแอปภายในองค์กรรุ่นใหม่ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ จึงปรับมาตรการป้องกันแอปพลิเคชันสำคัญเหล่านี้โดยอัตโนมัติและอัปเดตนโยบายด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
อนันด์ ออสวัล รองประธานบริหารฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า “บทสนทนากับผู้บริหารขององค์กรไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการปกป้องภัยคุมคามเท่านั้น แต่ยังต้องรองรับการเติบโตของบริษัทด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยหากใช้สถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อนและแยกจากกัน แต่นวัตกรรมใน Prisma SASE 4.0 โดยเฉพาะคุณสมบัติการปกป้องขั้นสุดท้ายภายในเบราว์เซอร์ ถือเป็นคำตอบที่ตรงจุดที่สุดภายใต้สถานการณ์ในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ ซึ่งมีการโจมตีที่อาศัย AI และยังมีการนำเครื่องมือ AI มาใช้งานอย่างแพร่หลาย ทำให้แนวทางการรักษาความปลอดภัยแบบเดิมกำลังล้าสมัยลงทุกที แต่เรากำลังสร้างมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ด้วยการสกัดกั้นภัยคุกคามที่ซับซ้อนซึ่งสามารถเล็ดรอดโซลูชันดั้งเดิมและพุ่งเป้าโจมตีไปที่เบราว์เซอร์โดยตรง”
พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดและมอบนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในด้าน SASE โดยมีรายได้ประจำในรอบปีจาก SASE (SASE ARR) สูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบการเงิน 2568 คิดเป็นการเติบโต 35% เมื่อเทียบปีต่อปี หรือมากกว่าสองเท่าของอัตราการเติบโตของตลาดรวม อีกทั้ง Prisma SASE ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในรายงาน “Gartner® Magic Quadrant™ for SASE Platforms” ถึงสามปีซ้อนด้วย และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำสามปีซ้อนใน “Magic Quadrant for Security Service Edge” และได้รางวัลห้าครั้งใน “Magic Quadrant for SD-WAN” โดยปัจจุบันมีลูกค้า SASE กว่า 6,300 ราย ซึ่งหนึ่งในสามนั้นเป็นบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 กล่าวได้ว่าแพลตฟอร์มแบบผู้ให้บริการรายเดียวเช่นนี้ช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงานและสามารถขยายระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจได้จากการใช้งาน Prisma Browser ที่มีจำนวนสิทธิ์การใช้งานเกินกว่า 6 ล้านสิทธิ์แล้ว
นวัตกรรมเหล่านี้ รวมถึงคุณสมบัติสำคัญอื่นๆ ของ SASE จะพร้อมให้บริการในวงกว้างภายในปีนี้ โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบล็อกของเรา
ติดตามข่าวสารจากพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ได้ทาง X (ชื่อเดิมคือ Twitter), LinkedIn, Facebook และ Instagram