โครงการ LINE ScaleUp 2019 โดย LINE ประเทศไทย จัดกิจกรรม Demo Day ต่อยอดความสำเร็จให้ 6 สตาร์ทอัพที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้นำเสนอผลงานต่อหน้านักลงทุนในประเทศ ต่างประเทศ รวมถึง LINE Ventures โชว์ศักยภาพการนำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของ LINE มาต่อยอดธุรกิจเพื่อผลักดันสู่สตาร์ทอัพชั้นนำและเป็นยูนิคอร์นสัญชาติไทยตัวแรก โดยทั้ง 6 สตาร์ทอัพจะได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ LINE เดินหน้าพัฒนาความร่วมมือเชิงพาณิชย์ต่อไป เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล

เจเดน คัง รองประธานกรรมการฝ่ายกลยุทธ์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า “LINE ScaleUp เกิดขึ้นด้วยเป้าหมายสําคัญที่ต้องการส่งเสริมและผลักดันให้ Startup ไทยสามารถพัฒนาและเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ มีโอกาสบรรลุเป้าหมายของการเป็นยูนิคอร์นได้สำเร็จ พร้อมเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย โดยกิจกรรม Demo Day ถือเป็นวันสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพทั้ง 6 ทีม ได้แก่ Choco CRM, Claimdi, FINNOMENA, Gowabi, Seekster และ Tellscore ได้นำเสนอผลงานและศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ หลังจากได้ผ่านการพัฒนาโดยหลักสูตรโค้ชเชิงเข้มข้นจาก LINE ScaleUp camp มาอย่างต่อเนื่อง 4 เดือนเต็ม ทั้งในรูปแบบการอบรม เวิร์คชอป และดูงานสตาร์ทอัพยูนิคอร์นในประเทศเกาหลีใต้ซึ่งครอบคลุมความรู้ ทั้งเรื่องของการดำเนินธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงภายใต้แพลตฟอร์ม LINE และการบริหารงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้มุ่งเน้นการนำเอาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ LINE สร้างขึ้นมาเติมเต็มศักยภาพ จนถึงวันนี้ ทั้ง 6 ทีมได้เติบโตขึ้นและมีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้ LINE สามารถพัฒนาความร่วมมือกับสตาร์ทอัพทั้งหกได้อย่างมั่นใจ”

ทั้งนี้ การพัฒนาความร่วมมือกับทั้ง 6 ทีม แบ่งความร่วมมือออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ความร่วมมือด้านธุรกิจ (Business Solution) โดยเปิดช่องทางมินิแอป (Mini App) บน LINE ให้กับ Seekster และ Finnomena ให้ผู้ใช้ LINE สามารถเข้าถึงและเข้าใช้บริการของทั้ง 2 สตาร์ทอัพอย่างเต็มรูปแบบได้ทันที ครบจบในที่เดียวผ่านช่องทางใหม่ในแอปฯ แชท LINE ความร่วมมือด้านพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับแพลตฟอร์มชั้นนำของ LINE (Strategic Partnership) โดยเปิดให้ผู้ใช้งาน LINE สามารถเข้าถึงบริการของ Seekster ได้ผ่านแพลตฟอร์ม LINE MAN ในเร็วๆ นี้ รวมไปถึง Finnomena และ Claimdi ที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ 2 แพลตฟอร์มด้านคอนเทนต์ชั้นนำในประเทศไทยอย่าง LINE Today และ LINE TV ในการส่งคอนเทนต์เพื่อเผยแพร่ สร้างความรู้ ความเข้าใจในข้อมูลที่เป็นประโยชน์และส่งเสริมการใช้งานของทั้ง 2 บริการได้อย่างยั่งยืน ความร่วมมือแบบบูรณาการเชิงลึก (Deep Integration) ให้กับทั้ง 6 ทีม โดยเฉพาะ Choco CRM, Tellscore และ GOWABI ที่สามารถต่อยอดการพัฒนาบริการในเชิงลึกผ่าน LINE API ได้เป็นอย่างดี ให้ผู้ใช้ได้เข้าใช้งานบริการผ่าน LINE ได้อย่างโดดเด่นและครบวงจร โดยความร่วมมือทั้งหมดนี้ ถือเป็นโอกาสที่ LINE เปิดกว้างให้กับสตาร์ทอัพทั้ง 6 ทีม เพื่อผลักดันให้ทุกทีมเป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตและขยาย Scale ยกระดับไปสู่ลูกค้าในวงกว้าง

งาน Demo Day ภายใต้โครงการ LINE ScaleUp ไม่ได้ถือเป็นวันประกาศความสำเร็จ แต่ถือเป็นวันประกาศศักยภาพของทั้ง 6 ทีม ที่พร้อมจะเติบโตต่อไปด้วยศักยภาพ ความสามารถและจุดแข็งที่มี ด้วยการสนับสนุนจาก LINE ที่ไม่ใช่เพียงเม็ดเงินลงทุน แต่ยังเปี่ยมไปด้วยองค์ความรู้ เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ภายใต้แพลตฟอร์ม LINE ที่พร้อมจะช่วยให้สตาร์ทอัพทั้ง 6 ทีมนำธุรกิจของตนให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ LINE มีฐานสมาชิกผู้ใช้งานอยู่กว่า 44 ล้านรายในประเทศไทย และต่อยอดไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกได้

เจเดน คัง กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ของสตาร์ทอัพไทย ว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลในไทย (Thai digital economy) มีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) เพียงประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สตาร์ทอัพไทยซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจดิจิทัลถือว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้น และนับว่ายังล้าหลังอยู่ทั้งในด้านจำนวนและด้านการลงทุน รวมไปถึงด้านการเติบโตเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม สาเหตุหลักที่เราเล็งเห็นคือ 1) ข้อจำกัดด้านบุคลากร (Talent) ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญมาก โดยเฉพาะบุคลากรด้านเทคโนโลยีซึ่งไทยยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน และ 2) แรงขับเคลื่อนด้านเงินทุน (Funding) สำหรับสตาร์ทอัพที่สามารถมาช่วยเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล งาน Demo Day ในวันนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญครั้งใหญ่ที่ 6 ทีมสตาร์ทอัพที่เรามองเห็นถึงโอกาสการเติบโตสู่ยูนิคอร์น ได้แสดงศักยภาพสู่สายตานักลงทุนระดับสากลอย่างแท้จริง โดยโปรเจค LINE ScaleUp ในปีหน้า เราจะยังคงมุ่งผลักดันสองส่วนนี้เป็นหลักสำคัญ เพื่อสร้างรากฐานให้สตาร์ทอัพไทยมีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยการนำเทคโนโลยีและเครือข่ายทางธุรกิจที่เรามี มาช่วยยกระดับในการพัฒนาธุรกิจของสตาร์ทอัพและธุรกิจของประเทศ โดยเราเชื่อว่าสตาร์ทอัพไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลต่อ GDP ประเทศไทย ให้เติบโตขึ้นถึง 2 เท่าภายในปี 2025 สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศในการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาช่วยพัฒนาให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0”

ทั้งนี้ นอกเหนือจากพันธกิจสำคัญของ LINE ประเทศไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ สร้างความแข็งแกร่งให้กับ Digital Startup ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้และเครื่องมือต่างๆ ให้กับสตาร์ทอัพไทยอย่างเต็มที่ ผ่านโครงการ LINE ScaleUp แล้ว LINE ยังพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มคุณภาพส่งบริการให้เข้าถึงคนไทยอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อความสุขและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์ของคนไทย สำหรับผู้สนใจ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมโครงการ LINE ScaleUp ได้ผ่านเว็บไซต์ https://scaleup.line.me

Comments

comments