จากบริบทของสถานการณ์ปัจจุบันที่สร้างผลกระทบโดยตรงต่อวงจรของธุรกิจทำให้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความท้าทายมากมาย ตั้งแต่ภาคการผลิตไปถึงการขายและการให้บริการ แต่ในมุมของ AIS ก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงานการนำศักยภาพ 5G ขยายสู่ภาคอุตสาหกรรม เดินหน้าฟื้นฟูประเทศในทุกมิติ ล่าสุด AIS Business 5G ได้ลงนาม (MOU) ร่วมกับ บริษัท ออมรอน อีเลคทรอนิคส์ จำกัด หรือ ออมรอน (OMRON) ผู้นำด้าน Smart Manufacturing – Autonomous Mobile Robot เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรในการนำ 5G และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ายกระดับภาคการผลิตในอุตสาหกรรม ส่งโซลูชั่นที่พร้อมตอบโจทย์ภาคการผลิตอัจฉริยะ หรือ Smart Manufacturing ได้อย่างสมบูรณ์

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร  AIS Business กล่าวว่า “จากแผนงานของ AIS ที่มุ่งขยายศักยภาพ 5G เพื่อร่วมยกระดับภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตนั้น เรายังคงเดินหน้าเชื่อมต่อการทำงานจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้ดิจิทัลเทคโนโลยีเข้าไปมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของภาคอุตสาหกรรมในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่จะนำมาซึ่งความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย สู่เป้าหมายที่จะร่วมทำให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดที่ต่างต้องปรับตัวให้มีความพร้อม

ครั้งนี้จึงนับว่าเป็นอีกความร่วมมือครั้งสำคัญของ AIS กับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งด้านวิศวกรรมบนระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเพื่อการผลิต อย่าง ออมรอน (OMRON) ที่ครั้งนี้เป็นการนำเทคโนโลยีการสื่อสาร ประยุกต์การเชื่อมต่อเทคโนโลยีการผลิต ผนวก Information Technology (IT) กับ Operation Technology (OT) อย่างไร้ขีดจำกัด และจะได้ร่วมกันสร้างโซลูชั่นใหม่ ยกระดับภาคการผลิตสู่การเป็น Smart Manufacturing อย่างสมบูรณ์ เพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต บนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล AIS 5G ที่มีออกแบบได้ตามความต้องการใช้งานในรูปแบบเครือข่ายเฉพาะ (Private Network) เพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของข้อมูล เพิ่มความเร็ว ลดความหน่วง (Latency) เพื่อการรองรับการทำงาน IoT ได้อย่างเต็มรูปแบบ”

โดยการลงนามความร่วมมือ (MOU) ครั้งนี้ระหว่าง AIS และออมรอน (OMRON) จะเปิดขีดความสามารถใหม่ที่ยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม บนโครงสร้างพื้นฐาน 5G และดิจิทัลเทคโนโลยีที่ช่วยปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต อาทิ ความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่นต่อข้อกำหนด (Flexible Manufacturing) การลดต้นทุนการผลิตสินค้าจำนวนน้อย (Small Lot Size Production) การสอบย้อนกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม (Traceability) และระบบซ่อมบำรุงเชิงรุก (Predictive Maintenance) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยโซลูชันบนโครงสร้างพื้นฐาน 5G Private Network ที่เพิ่มความปลอดภัย ภายใต้การลงทุนที่เหมาะสม สามารถควบคุมต้นทุนได้ในขณะที่ยังคงความสามารถในการผลิต และการแข่งขัน หรือแม้แต่ในเรื่องของการจัดการวัตถุดิบให้ถูกต้อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีควบคุมระยะไกลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ เพิ่มความแม่นยำ ลดเวลาสิ้นเปลืองการใช้แรงงานทำให้บุคลากรสามารถใช้เวลากับการทำงานด้านอื่นได้มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดคือภาพของภาคการผลิตแบบอัจฉริยะ หรือ Smart Manufacturing ทั้งนี้จึงเกิดเป็นโซลูชั่นต้นแบบที่จะสร้างประโยชน์จากการนำศักยภาพของทั้งสองมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ

• หุ่นยนต์รถลำเลียงอัจฉริยะ Autonomous Mobile Robot (AMR) อาศัยแผนที่ในการกำหนดเส้นทาง โดยไม่ต้องตีเส้น ซึ่งการสร้างแผนที่จะให้การทำงานรวดเร็ว ง่ายดาย ที่ตัวอุปกรณ์จะมีเซนเซอร์สแกนพื้นที่โดยรอบบริเวณแล้วนำข้อมูลที่ได้มาสร้างเป็นแผนที่ในการลำเลียงสิ่งของ บนเครือข่าย 5G Private Network

• สายการผลิตแบบยืดหยุ่น Layout-free Production Line การนำเสนอโซลูชั่นที่สามารถสร้างสายการผลิตแบบยืดหยุ่น โดยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการการผลิตและสภาพแวดล้อมของพื้นที่รวมถึงข้อจำกัดอื่นๆ รองรับความต้องการของการจัดสายงานการผลิตที่หลากหลาย สามารถออกแบบให้เหมาะสม ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วตามรูปแบบ การใช้งาน

• การตรวจจับด้วย Sensors ด้วยอุปกรณ์หรือกล้องความละเอียดสูง เก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เครื่องจักรในพื้นที่โรงงาน และนำไปประมวลผลด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้คาดการณ์ความผิดปกติ เป็นข้อมูลในการตรวจสอบและแก้ไขก่อนเกิดปัญหาต่างๆ ได้ทันที

นางสาวศิริวรรณ คูอัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออมรอน อีเลคทรอนิคส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “ออมรอน ในฐานะผู้นำด้านให้บริการด้านเทคโนโลยีด้านการผลิตทั้งสินค้า บริการ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ให้กับภาคอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้ง ยานยนต์,ผู้ผลิตชิ้นส่วน กลุ่มอีเลคทรอนิค์-เครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน-เซมิคอนดัคเตอร์ ตลอดจน อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องอุปโภค และยา ความร่วมมือกับ AIS ในครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งสำคัญของ ออมรอน ที่จะเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีโซลูชั่น ด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลที่เร็วและเสถียรภายใต้การทำงานของ 5G ซึ่งข้อมูลจะถูกเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็นแง่พื้นที่หรือความครอบคลุมของสัญญาน ความหลากหลายของอุปกรณ์ตั้งแต่เซนเซอร์จนถึงหุ่นยนต์ ทุกหน่วยการผลิตจะสามารถเชื่อมโยงกับระบบการจัดการได้ด้วยความปลอดภัยภายใต้ 5G Private Network  เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานแบบ Industry 4.0 ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางหลักของการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งเรามีความคาดหวังที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีในภาคส่วนของอุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่งผ่านการใช้ศักยภาพของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะในส่วนของการผลิตที่เราจะเข้าไปเพิ่มขีดความสามารถยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนำพาลูกค้าก้าวไปสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี 5G”

Comments

comments