โนเกีย ประกาศเพิ่มศักยภาพพร้อมขยายขีดความสามารถชุดเครื่องมือการให้บริการเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวของอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งานเชิงอุตสาหกรรมของโนเกีย โดยอุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) และแบบจำลองโลกเสมือนจริง (digital twinning) เพื่อช่วยในการติดต่อกับคนและเครื่องจักรที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้แก่บริษัทผู้ผลิต กิจการเหมืองแร่ หน่วยงานด้านความปลอดภัยภาครัฐ และองค์กรอื่น ๆ ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข้อมูลของพวกเขา และสามารถรองรับการใช้งานที่มีปริมาณความต้องการสูงขึ้นอีกด้วย

การให้บริการเครือข่ายไร้สายได้พิสูจน์แล้วว่าคือองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรม 4.0 มาตลอดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านม โนเกีย ได้ค้นพบประเด็นความคิดสำคัญภายหลังการประเมินสถานะของตลาดการให้บริการเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวในรอบปีนี้ รวมถึงบทบาทสำคัญของการให้บริการเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวในการดำเนินการผลิตอีกด้วย

นายนิฌาน ภัทรา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และเทคโนโลยี ของโนเกีย เสนอมุมมองความคิดที่แตกต่างเกี่ยวกับเมตาเวิร์ส โดยเค้ากล่าวว่า นอกเหนือจากการได้รับประสบการณ์เสมือนจริงภายในพื้นที่จำกัดในห้องนั่งเล่นของเราร่วมกับการเชื่อมต่อแบบไร้สายแล้ว มันก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เมตาเวิร์สอยู่รอบตัวเราผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริงแบบ Extended reality (XR) ที่สนับสนุนโดยเครือข่ายที่อัปเกรดขึ้นซึ่งหลอมรวมความจริงเชิงกายภาพและดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน

ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจภายในระบบนิเวศการสื่อสารโทรคมนาคมมาอย่างยาวนาน เมื่อการเชื่อมต่อมีความซับซ้อนมากขึ้นในชุมสายต่อผ่าน (Tandem) ร่วมกับการใช้งาน 5G ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารจึงต้องมีการเตรียมการเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านความปลอดภัย โดยโนเกียได้หยิบยกสามวิธีการสำคัญที่จะช่วยรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ที่กำลังเกิดขึ้นในยุค 5G นี้ได้

โนเกีย ประกาศแผนงานที่จะผสาน ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ อาร์ค เข้ากับแพลตฟอร์ม Nokia MX Industrial Edge (MXIE) เพื่อเป็นการปลดล็อกศักยภาพของแอปพลิเคชันเพื่อภารกิจสำคัญสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม 4.0 โดยการร่วมกันในครั้งนี้ Nokia MXIE และลูกค้าของโซลูชันบริการเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวจะสามารถเข้าสู่ระบบนิเวศอาชัวร์เวอร์ชั่นเต็ม ที่มีให้บนแพลตฟอร์ม MXIE ได้อย่างไร้รอยต่อ

Comments

comments