บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ว่าคณะกรรมการของทั้งสองบริษัทฯ ได้มีมติให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นร่วม ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อพิจารณาและอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการควบบริษัท

ทั้งสองบริษัทจะดำเนินการควบรวมให้แล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งนี้ จนกว่าการควบรวมกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งสองบริษัทจะคงแยกกันดำเนินธุรกิจ โดยให้บริการลูกค้าตามปกติและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

สำหรับชื่อบริษัทที่ได้รับการเสนอในการจดทะเบียนบริษัทใหม่ที่ควบรวมคือ “บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” โดยที่ทั้งแบรนด์ทรูและดีแทคเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ในขณะที่แบรนด์ทรูยังเป็นที่รู้จักครอบคลุมถึงธุรกิจบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และบริการดิจิทัล ทั้งนี้ หลังจากการควบรวม ทั้งแบรนด์ดีแทคและทรูจะยังคงแยกกันให้บริการลูกค้าของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค และสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังเตรียมเสนอรายชื่อคณะกรรมการบริษัทใหม่ เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นร่วมพิจารณาและอนุมัติ โดยประกอบด้วย นายศุภชัย เจียรวนนท์, นายเยอเก้น คริสเตียน อาเร้นท์ โรสทริป, ศ. (พิเศษ) ดร. กิตติพงษ์ กิตยารักษ์, นางกมลวรรณ วิปุลากร, นายกลินท์ สารสิน, นางปรารถนา มงคลกุลนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข, ดร.เกา ถงชิ่ง, นางทูเน่ ริปเปล , นายลาส์ เอริค เทลแมนน์ และดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ 

โดยคณะกรรมการที่ได้รับการเสนอชื่อนี้ เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและทรงคุณวุฒิทางธุรกิจ และจะทำงานร่วมกันกับคณะผู้บริหารระดับสูงที่จะได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้ง ซึ่งเกิดจากการหลอมรวมความสมดุลของการเป็นตัวแทนจากทรูและดีแทค การนี้นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายชารัด เมห์โรทราได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดย นายนกุล เซห์กัล และนางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ในบริษัทใหม่

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มเทเลนอร์ เชื่อมั่นว่าการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทคจะสร้างประโยชน์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยสู่ความล้ำหน้า โดยทั้งสองฝ่ายกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นประมาณร้อยละ 30 อย่างเท่าเทียมในบริษัทใหม่

บริษัทใหม่จะมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมด้วยการดำเนินธุรกิจด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และบริการดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจหลากหลายมากกว่าเดิม บริษัทใหม่จะเพิ่มความแข็งแกร่งจากการดำเนินธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มศักยภาพการลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการนำเทคโนโลยีล้ำหน้าระดับโลกมาสู่เครือข่ายคุณภาพและนวัตกรรมด้านดิจิทัลต่างๆ พร้อมทั้งผลักดันวาระการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย

Comments

comments