ความเป็นมาของ Product TP-Link ในตระกูล RE หรือที่ย่อมาจากคำเต็ม ๆ ว่า Range Extender ออกมาจำหน่ายหลายรุ่น เรียกว่าเป็น Series ที่ขายดี เพราะด้วยคุณภาพและที่สำคัญราคาที่เอื้อมถึงง่าย เหมาะกับผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปที่มีเน็ตบ้านติดตั้งเรียบร้อยอยู่แล้ว ต้องการขยายสัญญาณให้ Wi-Fi มีความแรง เพิ่มความครอบคลุมให้ใช้งานได้กว้างไกลขึ้นโดยที่ยังใช้ความสามารถของ Router หลักที่มีอยู่แล้ว แค่เพิ่มอุปกรณ์อีก 1 ชิ้นก็พร้อมใช้งานได้ทันที โดยใช้การเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ มีสาย และแบบไร้สาย โดย RE505x เป็นรุ่นล่าสุด จัดอยู่ในคลาส AX-1500 ที่เพิ่มเทคโนโลยี Wi-Fi 6 มีความเร็วที่มากขึ้นและค่าความหน่วง (PING) ที่ต่ำลงกว่ารุ่นก่อนหน้า พร้อมระบบที่ช่วยให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อประหยัดพลังงานน้อยลงซึ่งทั้งหมดเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของ Wi-Fi 6

การเชื่อมต่อสูงสุดบนคลื่น 2.4GHz อยู่ที่ 300Mbps (a/b/g/n) 20/40MHz ช่อง 1-11

การเชื่อมต่อสูงสุดบนคลื่น 5GHz อยู่ที่ 1201Mbps (a/n/ac/ax) 20/40/80MHz ช่อง 36-48 และ 149-165

เรามาดูสเปคของ RE505X กันว่ามีอะไรเป็นจุดเด่นบ้าง

เปิดกล่อง RE505X มีตัวเครื่องและคู่มือ (จะไม่มีสายแลนมาในกล่อง)

ตัวเครื่องมีปุ่มตั้งค่าการใช้งานผ่าน WPS และปุ่ม RESET พร้อมไฟแสดงสถานะการใช้งาน ซึ่งถ้ารบกวนสายตา สามารถเข้าไปตั้งเวลาเปิดปิดได้ด้วย

อีกด้านจะเป็นช่อง LAN ซึ่งรองรับระดับ Gigabit ช่อง LAN นี้สามารถเชื่อมต่อกับ Router เพื่อใช้งานใน AccessPoint Mode หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในลักษณะ Client Mode ได้เช่นกัน

ลักษณะการใช้งาน RE505X แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ (Mode) ดังนี้

1. ใช้งานเป็น Repeater หรือที่เรียกว่า Range Extender การใช้งานครั้งแรกเมื่อเปิดจากกล่อง สามารถเสียบปลั๊กและจับคู่กับ Router เดิมที่มีอยู่ได้เลย โดยกดปุ่ม WPS ที่ Router ให้ไฟ WPS กระพริบ และกดปุ่ม WPS ที่ข้างเครื่อง RE505X รอไฟสัญญาณกระพริบเชื่อมต่อกันเรียบร้อยไฟสถานะจะติดครบทุกดวงตามภาพ แปลว่าพร้อมใช้งาน สามารถนำไปวางยังจุดที่เหมาะสมเพื่อขยายสัญญาณบริเวณที่ต้องการได้ทันที โดยระบบจะตั้งชื่อ SSID เดิมแล้วต่อท้ายด้วยคำว่า EXT พร้อมใช้รหัสผ่านชุดเดิมจาก Router หลักที่ทำการขยายสัญญาณมา

จากการทดสอบความเร็วใน Mode นี้เราใช้ iPhone 11 ซึ่งรองรับ Wi-Fi 6 เชื่อมต่อกับ RE505X ซึ่งทำการ Repeat สัญญาณ Wi-Fi 6 AX จาก Router อื่นที่อยู่ห่างไปประมาณ 10 เมตร ออกทางคลื่น 5 GHz ได้ความเร็วประมาณ 400Mbps จากเน็ต FTTx ความเร็ว 1000/1000Mbps ซึ่งถือว่าทำได้ในระดับที่น่าพอใจ

2. การใช้งานเป็น Access Point โดยเชื่อมต่อผ่านสายแลน เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ Router เดิมที่มีอยู่ให้สามารถกระจายสัญญาณ Wi-Fi 6 ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะปิดสัญญาณตัวเดิมแล้วเปิดเฉพาะ RE505X หรือจะเปิดใช้งานหลายคลื่นไปพร้อมกันก็สามารถทำได้ การตั้งค่าครั้งแรกเพียงแค่ Load App Tether แล้วเชื่อมต่อกับ RE505X ทำการ log-in และตั้งค่า Mode ใช้งานเป็นแบบ AP (AccessPoint) จากนั้นตั้งชื่อ SSID & Password เลือกช่องสัญญาณ (Channel) ก็พร้อมใช้งานได้ทันที

ใน Mode นี้ เราทดสอบด้วย iPhone 11 เช่นเดิม เชื่อมต่อกับ RE505X ในคลื่น 5GHz ซึ่งรองรับ Wi-Fi6 เชื่อมต่อด้วย Link Speed 1201Mbps ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของอุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi 6 ที่ใช้ Bandwidth 80 MHz (HE80) ได้ความเร็ว 800Mbps จากเน็ตที่สมัครใช้งานไว้ 1000/1000Mbps

3. การใช้งานเป็นตัวเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านสายแลน หรือที่เรียกว่า Client Mode ตั้งค่าแบบกรณีแรก แตกต่างตรงที่เราสามารถเลือกปิดการ Repeat หรือทวนสัญญาณออกทาง 2.4 หรือ 5GHz โดยเข้าไปตั้งค่าเลือกเป็น High Speed Mode ใน Mode นี้เราสามารถนำอุปกรณ์เช่น Android box , TV , Playstation , PC , Notebook ฯลฯ มาเชื่อมต่อผ่านสายแลนเพื่อใช้งาน Internet ที่ได้ความเร็วสูงระดับ Gigabit

จากการทดสอบด้วยการเชื่อมต่อกับ Router Wi-Fi 6 ที่อยู่คนละห้อง ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร กับ RE505X และต่อกับ Computer All in One ผ่านสายแลน เราได้ความเร็วระดับ 885Mbps จากเน็ต 1000/1000Mbps จะเห็นว่าความเร็วเกือบจะเทียบเท่าการลากสายแลนจากจุดต้นทางเลยทีเดียว

นอกจากการใช้งานโดยปกติทั้ง 3 รูปแบบแล้ว RE505X ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า OneMesh ซึ่ง OneMesh เป็นระบบ MESH Wi-Fi ของทาง TP-Link สำหรับคนที่มีอุปกรณ์แบรนด์ TP-Link ใช้งานมาก่อนหน้านี้แล้ว ในบางรุ่นสามารถนำมาเชื่อมต่อกับRE505X แบบ MESH Wi-Fi ใช้งานได้เลย ซึ่งรุ่นที่รองรับ OneMesh สามารถเข้าดูรายชื่อได้ที่นี่เลย https://www.tp-link.com/th/onemesh/compatibility/

สำหรับคนที่สนใจ ทาง TP-Link ออกวางจำหน่ายแล้วในราคา 2290 บาท หาซื้อได้ที่ร้านออนไลน์ Shopee https://bit.ly/34Hjr9F และ Lazada Official https://bit.ly/2ELcw4I

ส่วนร้านค้าไอที ในช่วงแรกมีวางจำหน่ายแล้วเป็นบางร้านเช่นกัน

ข่าวดี! ทีพี-ลิงค์จะมีแบรนด์เดย์ร่วมกับ Lazada วันที่ 31 ส.ค. นี้ด้วย ใครที่สนใจเตรียมกดใส่ตระกร้าไว้ได้เลย

ทาง #TelecomLover ขอขอบคุณ TP-Link Thailand สำหรับอุปกรณ์ในการทดสอบและรีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ

Comments

comments