เครือข่ายธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังการระดุมทุนครั้งล่าสุดของสตาร์ทอัพระดับ ‘ยูนิคอร์น’ สองแห่งแรกในไทย อย่าง แฟลช กรุ๊ป (Flash Group) และ Bitkub – ซึ่ง ‘ยูนิคอร์น’ นี้ สื่อถึงธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนบุคคลที่มีมูลค่าสูงกว่าหนึ่งพันล้านดอลล่าห์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นล้านบาท) โดยปัจจุบัน ธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยหลากหลายแห่งต่างเตรียมใช้ประโยชน์จากการหลั่งไหลและความสนใจของนักลงทุน เพื่อตอบสนองต่อยุค ‘ปัจจุบันที่ทุกอย่างเป็นไปได้ รวดเร็วและทันที’ เพื่อคว้าโอกาสเหล่านี้ไว้

สำหรับสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพประสบความสำเร็จนั้น ในฐานะที่บริษัท อินโฟบิป (Infobip) เป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารระดับสากลบนระบบคลาวด์และธุรกิจยูนิคอร์นจากประเทศโครเอเชีย  จะมาแบ่งปันเคล็ด ‘ไม่’ ลับ 5 ข้อ ที่ช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเร่งการเติบโตของธุรกิจและเติบโตได้อย่างงดงาม

1 ค้นหา  ‘ไอเดียที่ใช่’ เพื่อเริ่มธุรกิจแบบก้าวกระโดด

ทุกคนมีไอเดียหรือแนวคิดของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญนั้น อยู่ที่การมีไอเดียที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้ชนะใจนักลงทุน และขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จระยะยาวด้วยยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่องได้ ดังนั้น การวางแผนธุรกิจที่ดีจำเป็นต้องประกอบด้วยแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่มาพร้อมกับแผนความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยกุญแจสำคัญคือการมีสมาธิที่แน่วแน่ ไม่ยอมแพ้ และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่กับการปลุกปั้นธุรกิจอยู่เสมอ ดังคำโบราณที่ว่า ‘ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม’

อย่างไรก็ดี แนวคิดสร้างสรรค์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ไอเดียทางธุรกิจเสมอไป แต่ยังขยายไปสู่ทุกหน่วยธุรกิจ เช่น ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณอาจไม่ใช่เจ้าเดียวในตลาด แต่หากคุณมีแผนการตลาดที่ล้ำหน้า มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพสูง และที่สำคัญที่สุดคือมีเครื่องมือสื่อสารกับลูกค้าที่ตอบโจทย์ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความโดดเด่นได้ การทำให้ตนเองแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการจัดการกับลูกค้า และนำเสนอจุดขายที่ไม่เหมือนใครผ่านการสื่อสารกับลูกค้าและการเข้าถึงลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น จะช่วยปรับปรุงการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและพัฒนาธุรกิจของคุณเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จได้

2 เตรียมพร้อมรับมือกับการขยายธุรกิจแบบมีสไตล์

เมื่อมีการสร้างแนวธุรกิจที่ยอดเยี่ยมออกมาแล้ว คุณลักษณะที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การดำเนินการที่เป็นรูปธรรมและแผนการขยายธุรกิจ แนวคิดทางธุรกิจที่ดีจะไม่มีประโยชน์หากไม่สามารถปรับขยายได้ในอนาคต ดังนั้น ธุรกิจจำเป็นต้องพิจารณาแผนการขยายธุรกิจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน เพราะท้ายที่สุดแล้ว นักลงทุนมักจะมองหาธุรกิจที่สามารถขยายขนาดได้ และมีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ โดยใช้ต้นทุนส่วนเพิ่มให้น้อยที่สุด

ทั้งนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพไม่ควรมุ่งหวังแค่ผลกำไรที่สูงเท่านั้น แต่ยังต้องมองหาระบบหลังบ้าน (back-of-house) ที่แข็งแรงและสามารถปรับขยายได้ตามต้องการ โดยในยุคนี้ ที่หลากหลายธุรกิจเปลี่ยนมาทำงานจากบ้าน (WFH) การทำงานได้จากทางไกล ตอบโต้กับลูกค้าได้ทันท่วงที พร้อมระบบหลังบ้านที่ช่วยตอบโต้แบบอัตโนมัติ จะช่วยให้พนักงานของคุณทำงานได้ราบรื่นยิ่งและคล่องตัวยิ่งขึ้น เพื่อลดภาระในการดำเนินงาน และเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่การทำงานไม่ได้ถูกตีกรอบให้อยู่แค่ภายในออฟฟิศอีกต่อไป

3 จ้างคนที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ ด้วยเครื่องมือที่ใช่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

คุณเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘พนักงานสามารถสร้างหรือทำลายธุรกิจของคุณได้’ หรือไม่? นี่เป็นเรื่องจริง เพราะพนักงานที่เก่งคือสิ่งหลักที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า ดังนั้น การค้นหาบุคคลากรที่เหมาะสมที่มาพร้อมกับความกระตือรือร้นและทักษะที่เหมาะสมกับงาน จึงเป็นส่วนสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ที่จะต้องอาศัยการทำงานหนักและใช้เวลานานในการจัดตั้งและดำเนินงานต่าง ๆ ให้เป็นโครงสร้างที่แข็งแรงต่อไป

การหาคนที่เหมาะสมกับงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและช่วยสร้างธุรกิจให้เติบโตไปในทิศทางที่ถูกที่ควรได้ ในการทำเช่นนี้จำเป็นต้องมีการปูทางธุรกิจอย่างชัดเจน เช่น การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ค่านิยม และเส้นทางการเติบโต เพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรให้มีความคิดร่วมและไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าธุรกิจไม่เพียงแต่ดึงดูดพนักงานที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันยังต้องมีแพลตฟอร์มการเข้าถึงลูกค้าที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่พนักงาน การดำเนินโดยรวม การสร้างสรรค์ผลงาน และรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ควบคู่กันไปอีกด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับตัวแทนด้านการบริการลูกค้าที่เปรียบเสมือนด่านหน้าของบริษัท ในการทำหน้าที่ติดต่อและสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง

4 มอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าแบบต่อเนื่องและทันใจ

เมื่อคุณได้เลือกไอเดียที่ใช่และสำรวจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะนำธุรกิจออกสู่สาธารณะ ซึ่งคุณจะต้องถามตัวเองว่า ‘เราจะสื่อสารกับลูกค้าและตอบสนองต่อความต้องการของเขาได้อย่างไร’การสร้างเครือข่ายเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและลูกค้าเพื่อให้เกิดระบบการสนทนาที่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ธุรกิจจำเป็นต้องตอบสนองต่อความต้องการแบบ ‘รวดเร็วและทันที’ เนื่องจากลูกค้าคาดหวังอยู่เสมอว่าจะสามารถพูดคุยกับธุรกิจได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านช่องทางที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้น แพลตฟอร์มการสื่อสารกับลูกค้าที่แข็งแรงและราบรื่นจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและคำนึงถึงลูกค้าเป็นลำดับแรก โดยธุรกิจที่สามารถครองใจลูกค้าได้นั้น มักเป็นธุรกิจที่ได้เปรียบในระยะยาว

นอกจากนี้ ตัวช่วยการจัดเก็บข้อมูล เพื่อบันทึกประวัติการสั่งซื้อและความชื่นชอบของลูกค้าแต่ละราย ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคลและมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าได้ โดยในปัจจุบัน เครืองมีการสื่อสารที่ทันสมัย อาทิ ระบบ Momentsของ Infobip อำนวยให้ธุรกิจสามารถเก็บบันทึกการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างปลอดภัย รวมถึงติดตามและจัดการกับการสนทนาทั้งหมด เพื่อช่วยในการสร้างความสัมพันธ์แบบเฉพาะบุคคลในการสื่อสารกับลูกค้าแต่ละราย พร้อมระบุเวลา ข้อมูล และช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าพึงพอใจได้อย่างครบครัน

5 ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงระยะเวลาการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ ธุรกิจทั่วโลกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ดังนั้นความท้าทายที่เกิดขึ้นตามมาจะไม่ได้หยุดอยู่เพียงการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอีกต่อไป แต่รวมถึงการปรับตัวและการสร้างผลกำไรในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเช่นกัน ในระหว่างช่วงการระบาด ธุรกิจหลายแห่งเปลี่ยนสู่การทำงานจากทางไกล ที่มาพร้อมกับความยากลำบากในการจัดการกับข้อมูลและการสื่อสารกับลูกค้า ในกรณีนี้ หากธุรกิจมีระบบที่ช่วยให้การเปลี่ยนแปลงระหว่างการทำงานในบริษัทและบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น จะช่วยให้คุณและทีมติดต่อกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่จำเป็นมากที่สุดในช่วงเวลานี้

Infobip นำเสนอโซลูชั่นศูนย์ติดต่อลูกค้าผ่านคลาวน์แบบที่เดียวจบ (one-stop cloud contact center solution) ภายใต้ชื่อ Conversations ซึ่งช่วยให้ธุรกิจและตัวแทนฝ่ายขายสามารถทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงช่วยให้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างราบรื่นจากช่องทางการทำงานเดียวสู่หลากหลายแพลตฟอร์ม พร้อมพัฒนาการทำงานของพนักงานและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า

สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่กำลังเติบโตและมุ่งหน้าสู่เครือข่ายธุรกิจในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างเป็นไปได้ รวดเร็วและทันทีในตอนนี้ Infobip ได้เปิดตัว โปรแกรม  Infobip Startup Tribe ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะช่วยส่งเสริมเครือข่ายธุรกิจสตาร์ทอัพตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยตัวช่วยที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตมากมาย รวมถึงโซลูชันหลังบ้านที่ปรับขยายได้ตามต้องการ อีกทั้ง ยังมอบโอกาสและช่องทางการเข้าถึงที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนจากกองทุนธุรกิจร่วม (VC funds) ไปจนถึงเหล่าผู้มีชื่อเสียงระดับสากล และโครงการสนับสนุนต่าง ๆ ได้โดยตรง โดยทั้งหมดนี้ถือเป็น เคล็ด ‘ไม่’ ลับ ที่จะช่วยให้คุณและธุรกิจของคุณเติบโตและก้าวหน้าได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับมุ่งทะยานสู่การสร้างผลผลิต วิสัยทัศน์ และภารกิจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณให้ก้าวไปข้างหน้า เข้าร่วมโปรแกรม Startup Tribe ของ อินโฟบิป ได้แล้ววันนี้ ที่ https://startups.infobip.com/

Comments

comments